ช็อปฯ ช่วยชาติ! นักวิชาการชี้กระตุ้น ศก.ชั่วคราว ทำบ่อยไม่ใช่เรื่องดีของนักบริหาร
‘ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ’ ชี้ลดหย่อนภาษีกระตุ้น Shopping เทศกาลปีใหม่ ช่วยยอดขายและเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นระยะสั้น ไม่มีผลต่อเศรษฐกิจภาคการบริโภคโดยรวมมากนัก ระบุการใช้มาตรการชั่วคราวบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีของนักบริหารภาษี
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงมาตรการลดภาษี (นำเงินใช้จ่ายซื้อสินค้ามาหักลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท) ช่วงวันที่ 25-30 ธ.ค.เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า น่าจะส่งผลบวกต่อการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว แต่จะไม่ได้มีผลทำให้เศรษฐกิจปีหน้าเติบโตเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และจะทำให้การบริโภคสินค้าบางชนิดในช่วงไตรมาสแรกลดลง
มาตรการนี้มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมน้อยมาก แต่อาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่า รัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉย พยายามแก้ปัญหา ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ได้มีปัญหาวิกฤติอะไร มีเพียงมาตรการนี้มีแนวคิดคล้ายกับมาตรการลดภาษีสำหรับรถคันแรก ตัวอย่างกรณีลดภาษีรถคันแรกก็มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า ปีถัดจากการยกเลิกมาตรการลดภาษี ยอดขายและยอดการผลิตรถยนต์หดตัวติดลบค่อนข้างมากเนื่องจากรถยนต์เป็นสินค้าคงทน
ส่วนกรณีลดหย่อนภาษีกระตุ้น Shopping นักวิชาการ ม.รังสิต กล่าวว่า จะทำให้ยอดขายและเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ แต่พอคนซื้อสินค้าจำนวนมากกว่าปรกติเพื่อให้ได้สิทธิลดหย่อนภาษี แม้จะเป็นสินค้าจำเป็นและเป็นสินค้าไม่คงทนก็ตาม อุปสงค์ในการบริโภคในช่วงไตรมาสแรกก็จะลดลง แต่หากซื้อเป็นสินค้าคงทน อาจทำให้ยอดขายสินค้าคงทนปรับตัวลดลงได้ในช่วง 6 เดือนถึงหนึ่งปีข้างหน้า
“สิ่งที่จะมีผลการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากกว่า คือ ความมั่นคงในงาน ความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคต การเพิ่มค่าจ้าง ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ระดับหนี้ครัวเรือนที่ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ รวมทั้งเสถียรภาพทางการเมือง เป็นต้น” ดร.อนุสรณ์ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม มาตรการลดหย่อนภาษีดังกล่าวแม้จะมีผลระยะสั้นและชั่วคราว แต่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีรายได้ระดับปานกลางมากที่สุด และมาตรการนี้จะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า หากผู้ซื้อสินค้าและบริการไปซื้อสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศจากกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
นักวิชาการ ม. รังสิต กล่าวอีกว่า นโยบายภาษีต้องยึดหลักประสิทธิภาพ ยึดหลักความยุติธรรม เป็นการจัดเก็บตามความสามารถในการเสียภาษี โดยยึดหลักที่ว่า ผู้ใดได้รับบริการจากรัฐมากกว่าสมควรต้องจ่ายภาษีให้แก่รัฐสูงกว่าผู้ที่ได้รับบริการจากรัฐน้อยกว่าหลักความสะดวก
ภาษีอากรที่จัดเก็บจะต้องสะดวก ไม่ยุ่งยากทั้งด้านผู้จัดเก็บและผู้เสียภาษี ค่าใช้จ่ายในการบริหารการจัดเก็บภาษีไม่สูงเกินไป ไม่เกิดช่องโหว่ทั้งด้านกฎหมายและการจัดเก็บจนทำให้เกิดการเลี่ยงภาษีขึ้น หลักความแน่นอน ภาษีอากรที่จัดเก็บจะต้องมีการระบุรายละเอียดด้านต่าง ๆ ในการจัดเก็บไว้ชัดเจนและประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเปิดเผย รัฐบาลสามารถประมาณการรายได้จากภาษีอากรที่จะจัดเก็บได้ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานราชการที่จัดเก็บ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประมาณการรายรับของรัฐบาลต่อไป
“การใช้มาตรการภาษีเป็นการชั่วคราวบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักในการบริหารภาษีหลักการนโยบายภาษีที่ดี ต้องยึดหลักประหยัด รัฐจะต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสูงเกินไป การจัดเก็บไม่ซ้ำซ้อน ไม่ทำให้ผู้เสียภาษีหมดแรงจูงใจในการทำงาน นอกจากควรยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย” ดร.อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย .
อ่านประกอบ:ช็อปฯช่วยชาติ หรือแค่มาตรการสร้างกิมมิกรัฐบาล?
ภาพประกอบ:เว็บไซต์สนุกดอทคอม