หมอสรุปผลชันสูตรอับดุลลายิบ "ไม่ทราบสาเหตุการตาย"
การเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ขณะถูกคุมตัวอยู่ในค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้รับการพิสูจน์เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่งจากแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แต่ก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนได้
นายอับดุลลายิบ ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงควบคุมตัวเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และถูกนำตัวเข้ากรรมวิธีซักถามที่หน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา
ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า นายอับดุลลายิบ เสียชีวิตเองโดยไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายหรือซ้อมทรมาน แต่ญาติผู้ตายและบางฝ่ายไม่เชื่อ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ต้องตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี นายเถกิง ยกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธาน
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 15 ธันวาคม กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกับคณะแพทย์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นำโดย ผศ.นพ.ธนะรัตน์ บุญเรือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ นพ.กิตติศักดิ์ ศรีพงษ์ หัวหน้าทีมแพทย์ที่ชันสูตรศพ ได้เปิดแถลงข่าวสรุปความคืบหน้าการตรวจสอบการตายของนายอับดุลลายิบ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ทั้งนี้ มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ และตัวแทนญาติของผู้เสียชีวิต เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
นพ.กิตติศักดิ์ ศรีพงษ์ อาจารย์แพทย์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หัวหน้าทีมชันสูตรศพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เวลา 13.30 น.โดยประมาณ ได้รับศพระบุชื่อว่าเป็น นายอับดุลลายิบ ส่งมาที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้ผ่านการชันสูตรศพจนแล้วเสร็จแล้ว ตามหนังสือเลขที่ น.58375 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2558
ข้อเท็จจริง คือ ศพที่ตรวจเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างสันทัด สูง 156 เซนติเมตร หนัก 51 กิโลกรัม ไม่สวมเสื้อ นุ่งโสร่งสีเขียว-ดำ บริเวณมือทั้งสองข้างมีถุงพลาสติกครอบเอาไว้ระบุว่าเป็นวัตถุพยาน ส่วนสภาพศพภายนอกพบว่า พบเยื้อบุตาคั่งเลือด และพบจุดเลือดออกบริเวณเยื้อบุตาซ้ายจำนวน 2 จุด รูม่านตาขยาย 6 มิลลิเมตรทั้งสองข้าง ริมฝีปากเขียว
ส่วนประเด็นที่ญาติติดใจ คือ มีคราบที่น่าสงสัยบริเวณอัณฑะของผู้ตาย พบว่าเป็นคราบน้ำขาวขุ่นบริเวณถุงอัณฑะข้างขวา การชันสูตรศพภายนอก พบบาดแผลถลอก ขนาด 0.6 เซนติเมตร คูณ 0.6 เซนติเมตร บริเวณข้อศอกทางด้านขวา พบเพียงแห่งเดียว
ผู้ตายรายนี้ ญาติไม่อนุญาตให้ทำการชันสูตรศพโดยการผ่า แพทย์สามารถทำได้เพียงแค่การตรวจภายนอก การตรวจทางภาพถ่ายรังสี และเจาะเลือด เจาะน้ำในลูกตา เจาะปัสสาวะ ไปตรวจหาสารพิษต่างๆ เพิ่มเติม โดยผลตรวจทางภาพถ่ายรังสีไม่พบการบาดเจ็บในทรวงอกและช่องท้อง เชิงกราน ต้นแขน ปลายแขนทั้งสองข้าง สรุปก็คือไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บใดๆ
ส่วนผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการ ไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือด ไม่พบสารหรือกลุ่มสารแอมเฟตามีน รวมถึงไม่พบสารในกลุ่มยานอนหลับ ไม่พบสารพวกกลุ่มมอร์ฟีน หรือฝิ่น เฮโรอีนใดๆ ทั้งในเลือด ในปัสสาวะ และในน้ำจากลูกตา และไม่พบการออกฤทธิ์ของยาฆ่าแมลงในเลือดใดๆ
ดังนั้นโดยสรุปแล้วการตรวจภายนอกไม่พบร่องรอยบาดแผลตามจุดใดๆ ที่ชัดเจน ไม่เจอบาดแผลฉกรรจ์ใดๆ ผลการตรวจทางภาพถ่ายรังสีไม่สามารถระบุถึงในเรื่องการบาดเจ็บใดๆ ได้ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบการติดสารเสพติดใดๆ ทางทีมแพทย์ชันสูตรจึงลงสาเหตุการตายว่า "ไม่ทราบสาเหตุการตาย"
สำหรับผลการชันสูตรนี้ ถือเป็นผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการระดับหนึ่ง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ร้องขอว่าให้แพทย์ช่วยออกรายงานมาก่อน จึงได้แจ้งเพิ่มเติมไปยังพนักงานสอบสวนแล้วว่า รายงานฉบับนี้ยังไม่มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการบางอย่าง เพราะยังไม่แล้วเสร็จ เช่น เรื่องของคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามร่างกายบางจุด
นายเถกิง ยกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ กล่าวว่า ข้อมูลผลการเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ ทางคณะกรรมการฯ ก็ได้สอบข้อเท็จจริงในพื้นที่มาหลายส่วนแล้ว ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ผู้ที่เชิญตัวมาควบคุม เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในศูนย์ซักถาม และได้เก็บหลักฐานข้อมูลต่างๆ มาพอสมควร วันนี้มาสอบถามคณะแพทย์ที่ทำการชันสูตรทางนิติเวช ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้านหนึ่ง เพื่อจะได้นำข้อมูลไปสรุปหาข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบฯ เพิ่มเติมต่อไป
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศการแถลงข่าวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์