เจาะเบื้องหลังเหตุระเบิดในกุโบร์
เหตุระเบิดในกุโบร์ หรือสุสานของพี่น้องมุสลิม ที่ตำบลยุโป อำเภอเมืองยะลา ด้วยการฝังระเบิดไว้ในหลุมศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2558 เป็นเหตุรุนแรงที่ไม่มีฝ่ายใดยอมรับได้
หลังเสียงกัมปนาทแห่งระเบิด อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ซัยค์ เจ๊ะดอมะ เจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 เสียชีวิต ขณะที่ นายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปี ผู้เป็นบิดา ได้รับบาดเจ็บ อาการไม่สาหัส
ที่น่าสลดก็คือ อส.ทพ.ซัยค์ ต้องตายต่อหน้าหลุมศพแม่ เพราะเขากำลังไปประกอบพิธีทางศาสนาให้แม่ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม โดยมีพ่อ คือ นายอาซิ เดินทางไปด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในพื้นที่ ทำให้เมื่อวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม บริเวณลานหน้ามัสยิดบ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ 6 ตำบลยุโป นายอุดร น้อยทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.อ.เทิดศักดิ์ งามสนอง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา พ.ท.สุพรรณ ร้อยพุทธ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 นายก้องสกุล จันทราช นายอำเภอเมืองยะลา และชาวบ้านในพื้นที่ จำนวนกว่า 300 คน ได้ร่วมรณรงค์ถือป้ายต่อต้านความรุนแรง พร้อมละหมาดฮายัด (ขอพร) เพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้
นายอุดร กล่าวว่า ทุกคนไม่ต้องการสงคราม ทุกคนต้องการความสงบ ขอให้ยุติการก่อเหตุรุนแรงแล้วมาร่วมกันพัฒนา ขอให้ผู้ที่ก่อเหตุได้กลับตัวกลับใจ อยู่ในหลักของศาสนา ขอให้เกิดสันติสุขในพื้นที่
ขณะที่ พ.อ.เทิดศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอบคุณที่แสดงพลังให้เห็นว่าคนที่นี่ไม่ต้องการความรุนแรง เราไม่ได้มารบกับใคร เราไม่มีศัตรู เรามาเพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัย และ ทหารพรานที่เสียชีวิตก็เหมือนกัน อส.ทพ.ซัยค์ทำหน้าที่ดูแลประชาชน และทำหน้าที่ลูกที่ดีก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ วันนี้ได้เห็นแล้วว่าความรุนแรงไม่ใช้สิ่งที่ทุกคนในพื้นที่ต้องการ
เจาะสาเหตุเบื้องหลังการตาย
ประเด็นที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นอกจากการกระทำที่โหดร้าย ไม่ให้ความเคารพต่อคนตาย เพราะไปก่อเหตุกันถึงในสุสานแล้ว ยังมีประเด็นว่าด้วยสาเหตุของความรุนแรงครั้งนี้ ว่าเกิดจากเรื่องใด
แน่นอนว่าฝ่ายรัฐสรุปไปเบื้องต้นในทางเปิดแล้วว่า น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ เพราะผู้ตายเป็นอาสาสมัครทหารพราน แต่ความจริงจากคนใกล้ชิดและชาวบ้านในพื้นที่ เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
ภรรยาเผย "ซัยค์" เคยถูกลอบยิง
ซันซานี เจ๊ะดอมะ อายุ 40 ปี ภรรยาของ อส.ทพ.ซัยค์ เล่าว่า ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงระเบิด เข้าใจว่าคงเกิดระเบิดบริเวณสี่แยกปากทางเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่นานญาติโทรมาบอกว่า เป็นระเบิดที่กุโบร์ อาแบ(สามี) เสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกตกใจ งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็พยายามทำใจให้ได้ พอไปเห็นศพ อึ้งเลย ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
"ไม่รู้คนที่ทำศาสนาอะไร ถึงได้เลือกสถานที่แบบนั้นในการก่อเหตุ เพราะความสุญเสียและภาพสะท้อนที่ตามมาไม่คุ้มกับความสูญเสียเลย สามีเป็นคนดี การเสียชีวิตขณะมีน้ำละหมาดหลังอ่านอัลกุรอานให้แม่ ถือว่าเขาตายในทางที่ดี ส่วนศพที่เป็นอย่างนั้น (ศพที่สภาพแหลกเหลว ขาดเป็นท่อน) อัลลอฮ์อาจจะชี้อะไรบางอย่างให้คนที่อยู่ได้เห็นและได้คิด" ภรรยาของ อส.ทพ.ซัยค์ บอก
เธอยังเล่าอีกว่า สามีเคยโดนลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน แต่กระสุนพลาดเป้า กระทั่งครั้งนี้ก็จากไปอย่างสงบ
"สามีเคยพูดว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป ขอให้ตายดีกว่าอยู่เป็นภาระครอบครัว เพราะเขาทำใจแล้วว่าทำหน้าที่นี้ (ทหารพราน) ต้องเจออะไรบ้าง วันนี้สิ่งที่เขาพูดก็เป็นจริง"
ซันซานี บอกอีกว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องทำใจให้ได้ จากที่เคยเข้มแข็งอยู่แล้ว ก็ต้องเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม เพราะมีลูกที่ต้องดูแลถึง 4 คน อายุ 19 ปี 17 ปี 10 ปี และคนเล็กอายุแค่ 3 ขวบ ทั้งยังมีพ่อของสามีที่ต้องดูแลด้วย
"ตอนที่สามีอยู่ เขาเป็นเสาหลักของบ้าน ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว หน้าที่ก็ต้องมาอยู่ที่เรา ต่อไปจากที่เคยเป็นแม่บ้านเฉยๆ ก็ต้องหางานทำเพื่อช่วยครอบครัวให้สามารถประคองอยู่ต่อไปให้ได้" ซันซานี กล่าว
ลูกสาววัย 10 ขวบร่ำไห้บอกรักพ่อ
ด.ญ.ธัญชนก เจ๊ะดอมะ อายุ 10 ปี ลูกสาวของ อส.ทพ.ซัยค์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า "รักพ่อ จะขอเป็นเด็กดีตามที่พ่อเคยสอนไว้ จะเรียนให้สูงๆ เป็นทันตแพทย์อย่างที่พ่อตั้งใจอยากให้เป็น"
พ่อซัยค์เดาได้ใครทำ-บอกเคยชนมาก่อน
ด้าน นายอาซิ บิดาของ อส.ทพ.ซัยค์ ซึ่งเห็นบุตรชายเสียชีวิตต่อหน้า เล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ห่างจากลูกชายแค่ 10 เมตร ตอนนั้นอ่านคัมภีร์จบบทพอดีก็เกิดระเบิด เห็นศพในห่อผ้าขาวกระเด็นออกจากหลุม ลูกชายก็กระเด็น ลอยขึ้นไปแล้วก็ตกลงมา ห่างจากจุดที่นั่งประมาณ 4 เมตร รู้สึกหูอื้อ หันไปดูเก้าอี้นั่งพังหมด
"ผมเองก็มีดินเต็มหน้า ในปากก็มีดินเข้าไปเต็มปาก นึกถึงอัลลอฮ์สามครั้ง แล้วเรียกลูกชาย ก็พูดคนเดียวว่า ตายแล้วเด็กคนนี้ พอมีคนมาช่วย ก็บอกว่าช่วยยกผมที ผมจะไปดูลูกชาย"
"เขาเอาระเบิดไปวางในหลุมศพด้านศีรษะของแม่ซัยค์ที่ตายมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะกดระเบิดขณะที่เรากำลังอ่านอัลกุรอาน ช่วงก่อนเกิดเหตุ วันเสาร์ (12 ธันวาคม) ลูกสาวคนโตเห็นแล้วว่า บริเวณหลุมศพมีสภาพดินกระจุยกระจาย ลูกสาวก็กลับมาถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น ลูกสาวยังบอกว่าเด็ยวไปซื้อจอบไปแต่งหน้าดินใหม่ แต่ก็มาเกิดระเบิดเสียก่อน ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้"
นายอาซิ พูดไว้อย่างน่าสนใจถึงคนซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นผู้กระทำให้ลูกชายต้องจากไป
"ไม่คิดเลยว่าคนอิสลามจะเลือกกุโบร์ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในการก่อเหตุ คิดว่าคนที่ทำไม่มีศาสนา จุดอื่นไม่ใช่ว่าไม่มี ตามถนนก็มี แต่เลือกจุดนั้นก่อเหตุ ถือว่าหนักสุดๆ แล้ว ต้องถือเป็นคนไม่มีศาสนา ผมคิดว่ามีคนอิสลามทำ เราเคยซนมาก่อน พอเดาได้ สิ่งที่อยากขอคือ ขอให้เจ้าหน้าที่จับคนที่ไม่ดี เปรียบเสมือนในบ่อ เราเลี้ยงปลา แล้วมีจระเข้ เราต้องจับจระเข้ออก แล้วปลาของเราจะสามารถอยู่ได้"
เคยทำงานกับผู้กว้างขวาง-คาดปมล้างแค้น
ด้านข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า ซัยค์เคยทำงานกับเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งจัดว่าเป็นผู้กว้างขวาง การทำงานอาจจะไปสร้างความขัดแย้งกับใครบ้าง ส่วนเจ้าหน้าที่รายนั้น ภายหลังเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ต่อมาซัยค์จึงได้เข้าเป็นทหารพราน
ข้อมูลของชาวบ้านตรงกับหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ ที่ระบุว่า ซัยค์เคยทำงานกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดยะลา จากการสอบถามแหล่งข่าวที่อยู่ในขบวนการก่อเหตุรุนแรง แหล่งข่าวมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มขบวนการ แต่เป็นการกระทำจากฝ่ายที่มีความแค้นส่วนตัวเกี่ยวกับอาชีพเก่าของผู้ตาย
ดูเหมือนไฟใต้ยิ่งนานวันก็ยิ่งทวีความซับซ้อน!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 ชาวบ้านยุโปร่วมละหมาดฮายัดขอให้พื้นที่สงบสุข
3 ภรรยาของ อส.ทพ.ซัยค์
4 นายอาซิ เจ๊ะดอมะ พ่อของ อส.ทพ.ซัยค์