ป.ป.ช.ฟันรวด 7 ราย จนท.อบต.โคกตาล-ศรีสะเกษ ซื้อรถบรรทุกมือสองผิดระเบียบ
ป.ป.ช.ฟันรวด 7 ราย จนท.อบต.โคกตาล-ศรีสะเกษ ซื้อรถบรรทุกมือสองผิดระเบียบ มท.-จ่ายเช็คชำระเงินโดยไม่ได้จัดทำวางฎีกาเบิกจ่ายตามขั้นตอน ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง ส่ง ก.อบต.ศรีสะเกษ-มีมูลผิดทางอาญา ส่ง อสส. ฟ้องแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกตาล จ.ศรีสะเกษ 7 ราย ได้แก่ 1.นายประสพ เรียมทอง 2.นายเทียนชัย ศรีสิงห์ 3.นายประเดิมชัย เทาศิริ 4.นายไชยสิทธิ์ เตารัตน์ 5.นางสาวจุฬารัตน์ พิมพ์นนท์ 6.นายณรงค์ชาญ สุวรรณดชติ และ 7.นายโอภาส หรือวงเดือน ลาลุน
ฐานร่วมกันกระทำการทุจริต กรณีการจัดซื้อรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลเก่าใช้แล้วและการดำเนินการจัดซื้อของ อบต.โคกตาล ไม่ได้ดำเนินการตามวิธีและขั้นตอนการจัดซื้อที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้ง อบต.โคกตาล ได้จ่ายเช็คชำระค่ารถยนต์ โดยไม่ได้จัดทำวางฎีกาเบิกจ่ายเงินขออนุมัติผู้มีอำนาจอนุมัติฎีกาให้เบิกจ่ายตามขั้นตอนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, ที่ 2, ที่ 3 มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าผืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และที่ 5 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใด อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตราด เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 8 มีนาคม 2545 ข้อ 3 วรรค 3 ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใด อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามประกาศคระกรรมการพนักงานส่วนตำบล จังหวัดศรีสะเกษ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 8 มีนาคม 2545 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
และชี้มูลความผิดทางอาญา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบิตหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร หรือรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระทำการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และที่ 3 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ ที่ 5 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4)
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 86
ล่าสุด ป.ป.ช. มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อให้ดำเนินคดีอาญา และมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้พิจารณาโทษทางวินัย และมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล (ก.อบต.) จ.ศรีสะเกษ พิจารณาแล้ว