องค์กรต้านคอร์รัปชั่น ยันไม่อยากให้รัฐปิดทางตั้งศาลเฉพาะพิจารณาคดีทุจริต
ผอ.องค์การต่อต้านคอร์รัปชัน เห็นด้วยแนวคิดร่างพ.ร.บ.พิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ของรัฐบาล ย้ำจุดยืนคณะผู้พิพากษาต้องมีความเชี่ยวชาญด้านทุจริต ระบุยังไม่อยากให้ตัดแนวคิดตั้งศาลเฉพาะพิจารณาคดีคอร์รัปชัน
จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงข้อเสนอการให้ตั้งศาลทุจริตและคอร์รัปชันจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า ยังไม่ได้รับข้อเสนอดังกล่าว แต่รัฐบาลกำลังจัดทำร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยจะทำให้การพิจารณาคดีจบภายใน 2 ศาล คือศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นั้น
ดร.มานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวกับสำนักข่าวอิศราถึงแนวคิดของรัฐบาลในการจัดทำร่างพ.ร.บ.พิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบว่า แนวคิดดังกล่าวถือเป็นแนวคิดใหม่ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ดี แต่ข้อเสนอให้มีศาลทุจริตและคอร์รัปชันนั้นเป็นข้อเสนอที่นักวิชาการที่ได้ศึกษาเรื่องการต่อต้านการทุจริตมานานพอสมควร กระทั่งทางสปท.เองจะทำเป็นข้อเสนอ
ส่วนร่างพ.ร.บ.พิจารณาความอาญาจะดีกว่าการจัดตั้งศาลทุจริตหรือไม่ ดร.มานะ กล่าวว่า จะต้องดูรายละเอียดและมาตรการอื่นๆประกอบด้วย แต่อย่างน้อยการดำเนินคดีน่าจะมีความรวดเร็วมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ดร.มานะ กล่าวอีกว่า ทางกรรมาธิการของสปท.เองคุยกันและยังยืนยันว่า อยากจะเห็นศาลทุจริต แม้จะรับทราบแนวคิดใหม่จากทางรัฐบาลแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแนวคิด และหากเป็นไปได้จะให้มีทั้งการจัดตั้งศาลเฉพาะมาพิจารณาคดีทุจริต และพ.ร.บ.พิจารณาความอาญาทั้ง 2 อย่างเลยก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่จุดมุ่งหวังสูงสุดคือต้องการเห็นกระบวนการและองค์คณะผู้พิพากษาที่เข้ามาเป็นผู้ที่ความรู้ความชำนาญในเรื่องคอร์รัปชันโดยตรง เนื่องจากคดีเหล่านี้มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงเป็นกระบวนการที่ลึกมาก บางคดีหากมองเพียงผิวเผินอาจจะไม่ผิดกฎหมาย ความสำคัญคณะผู้พิพากษาต้องเป็นคนมีความรู้โดยตรง
“อยากให้มีกระบวนการจัดการกับปัญหาทุจริตทั้ง 2 ทาง คือมีทั้งศาลเฉพาะพิจารณาคดีทุจริตแล้วก็พ.ร.บ.พิจารณาคดีอาญาที่ให้จบในศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ หากจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีและรวดเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมในการเอาคงโกงมาลงโทษนั้นใช้ระยะเวลายาวนาน จนคนโกงได้ใจ พอพูดเรื่องคอร์รัปชันก็ชาวบ้านก็เลยไม่เกิดประโยชน์เพราะคิดว่าพูดไปก็เท่านั้นไม่เห็นมีใครติดคุกติดตารางสักคน”