นักวิชาการเเนะรัฐสร้างมาตรการจูงใจชาวนาปลูกพืชอื่นแทนข้าว ได้ผลดีกว่าบังคับ
นักวิชาการแนะรัฐสร้างมาตรการจูงใจส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชอื่นแทนข้าว ชี้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าใช้มาตรการบังคับ แก้ปัญหาราคาวอนรัฐแค่กำกับดูแล แต่อย่าเป็นผู้ผูกขาด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น “ปัญหาและแนวทางการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้าวและชาวนา” ณ ห้องประชุมชั้น 16/1 สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย อาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค อำเภอปากเกร็ด ถนนแจ้งวัฒนะ นนทบุรี
รศ.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส กล่าวว่า ราคาข้าวได้รับอิทธิพลจากราคาตลาดโลก การปรับโครงสร้าง (re-structure) เป็นเรื่องสำคัญที่สุด รัฐอาจจัดทำมาตรการจูงใจซึ่งเป็นการใช้กระบวนการในการส่งเสริมเพื่อให้เกษตรกรผลิตพืชอย่างอื่นแทนการปลูกข้าว ซึ่งจะได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้มาตรการบังคับเพื่อชะลอการผลิตข้าว
สำหรับการปฏิรูปกฎหมายนั้น รศ.สมพร เสนอว่า รัฐจะต้องเข้ามาทำหน้าที่ในการกำกับดูแล แต่รัฐต้องไม่เป็นผู้ผูกขาดราคาข้าว โดยคณะกรรมการนโยบายข้าวจะต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแบบมองไปข้างหน้า เนื่องจากกลไกตลาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมาก พื้นที่ที่มีความแตกต่างกันต้องมีวิธีบริหารจัดการที่ต่างกัน รวมถึงชนิดของข้าวที่แตกต่างกันก็จะต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันเช่นกัน
“การแก้ปัญหาเรื่องข้าวต้องมองถึงมิติทางเศรษฐศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ควรให้มีการประกันภัยราคาข้าว และรัฐจะต้องบริหารกลไกการกำกับข้อมูลให้ดีเพื่อที่จะพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลให้มีประสิทธิภาพต่อไป”
นักวิชาการอาวุโส กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติไม่ได้แก้ไขปัญหาระยะยาว ทำหน้าที่เพียงอนุมัติให้ดำเนินการโดยไม่ได้คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาระยะยาว จึงเสนอให้ปฏิรูปอำนาจหน้าที่ให้กำหนดนโยบายอนาคตที่สะท้อนการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและเชื่อมโยงให้เกิดความสัมพันธ์ระดับชุมชน ระดับภูมิภาค ดังนั้นนโยบายที่ออกมาจะต้องมีทิศทางไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจังและอาจมีกองทุนสนับสนุน
ด้านนายนิพนธ์ วงศ์ตระหง่าน ประธานสมาพันธ์สมาคมชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ควรจะมีการปรับปรุงคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิควรมาจากทุกภาคส่วนเช่น ตัวแทนผู้ส่งออกข้าว ตัวแทนโรงสี ตัวแทนโรงงานแปรรูป และชาวนา เพื่อให้มีตัวแทนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าไปสร้างความเข้าใจตรงกัน เพื่อตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของชาวนา โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และตั้งอนุกรรมการขั้นมาที่ดูแลการผลิตและการตลาด พร้อมอยากเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขฐานข้อมูลด้านการตลาด ที่ไม่มีหน่วยงานที่เป็นศูนย์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งธนาคารเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจะมีฐานข้อมูลที่มากว่าหน่วยอื่น