บทบาท 'ประยุทธ์' กับ 'อุทยานราชภักดิ์' และวิกฤตศรัทธา?
"..สิ่งที่สาธารณชนคาดหวังกับนายกฯ อย่างมากในขณะนี้ คือ สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนี้ โดยเฉพาะบทบาทความเป็นผู้นำในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวของนายกฯ เอง.."
นับจนถึงเวลานี้ สาธารณชนคงได้รับทราบ บทบาทของกองทัพบท กับ 'อุทยานราชภักดิ์' ว่ามีความเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ตามข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอไปแล้ว
(อ่านประกอบ : บทบาท 'กองทัพบก'กับ'อุทยานราชภักดิ์' ห้ามมีคำว่า 'ทุจริต' เด็ดขาด!)
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า บทบาท ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับ 'อุทยานราชภักดิ์' ในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนจะพิจารณาข้อมูลส่วนนี้ ขอให้ดูคำให้สัมภาษณ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2558 หลังการดำเนินงานโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ถูกระบุว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ในขั้นตอนการดำเนินงานส่วนต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันชัดเจนว่า "ขอให้สื่อมวลชนเลิกถามเกี่ยวกับการทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และ คสช. ที่จะต้องรับผิดชอบ แต่ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะดูแลทุกกระทรวง ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริตก็ต้องดำเนินคดี"
หากพิจารณาคำพูดประโยคดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จะพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจดังนี้
ประการแรก การทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และ คสช. ที่จะต้องรับผิดชอบจริงหรือ?
ถูกแล้ว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถที่จะแสดงความเห็นในลักษณะนี้ได้ เพราะ
1. โครงการนี้อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของกองทัพบก ไม่ใช่รัฐบาล
2. นับจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีผลการสอบสวนจากหน่วยงานใด ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการ ว่า การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง
3. ข้อมูลความผิดปกติในขณะนี้ ยังไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจน ว่ามีคนในรัฐบาลหรือ คสช. เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เพราะข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมาในขณะนี้ คือ มีคนกลุ่มหนึ่ง ได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานจัดจ้างส่วนต่างๆ ตัวอย่างเช่น การจ้างโรงหล่อ พบว่ามีเซียนพระรายหนึ่ง เข้าไปขอค่าหัวคิว จากบรรดาเจ้าของโรงหล่อเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับงานจ้าง
แต่ข้อมูลก็ดูเหมือนจะหยุดลงไปแค่นี้ เพราะจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกต่อ ว่า ค่าหัวคิวที่เซียนพระรายนี้ ได้รับไปไปอยู่ที่ไหน ส่งต่อไปให้ใครบ้าง นี่ยังไม่นับรวมงานจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ปลูกต้นไม้ รวมถึงงานอีกหลายส่วนที่ปรากฎเป็นข่าวออกมากก่อนหน้านี้ด้วย
แถมการแถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการใช้จ่ายงบประมาณ และการบริหารงานก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2558 ของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ระบุชัดเจนว่า การดำเนินงานโครงการอุทยานราชภักดิ์ ยังตรวจสอบไม่พบความผิดปกติอะไร และไม่จำเป็นต้องให้หน่วยงานตรวจสอบแห่งใดมาตรวจสอบด้วย
เมื่อผลการตรวจสอบยังไม่ปรากฎว่ามีความผิดอะไร ก็ถูกต้องแล้ว ที่รัฐบาล หรือ คสช. จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วย แบบที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุไว้
แต่ถามว่า แม้ว่าจะยังไม่มีการแถลงผลสอบความผิดปกติในโครงการนี้ออกมาชัดเจน แต่มีข้อมูลหลายส่วนยืนยันออกมาแล้วว่า ในขั้นตอนการดำเนินงานมีความผิดปกติเกิดขึ้นจริง รัฐบาล หรือ คสช. จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่รู้ไม่เห็นด้วยได้หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ได้
เพราะต้องไม่ลืมว่าการดำเนินงานโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทั้งการก่อสร้างงานส่วนต่างๆ รวมถึงรูปแบบการของบประมาณสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุม ครม.เป็นทางการ หลักฐานปรากฎชัดเจนตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2558 , วันที่ 2 มิ.ย.2558
ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลหรือหน่วยงาน ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถบทั้งสิ้น
เมื่อโครงการที่มีความสำคัญมากขนาดนี้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ครม. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ
และถ้าจำไม่ผิด ครั้งหนึ่งในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา ก่อนที่อุทยานราชภักดิ์ จะถูกตรวจสอบพบความผิดปกติ ก็เป็นพล.อ.ประยุทธ์ เองมิใช่หรือ ที่เคยแจ้งเตือนเรื่องการใช้จ่ายเงินบริจาคมาแล้ว โดยระบุชัดเจนว่า "ให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดให้มีคณะทำงานดูแลการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้มีความชัดเจน เนื่องจากมีงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งได้รับจากเงินบริจาคของภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ส่วนวิธีดำเนินการให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นมูลนิธิหรือกลไกในรูปแบบใด"
คำถามที่น่าสนใจคือ เมื่อแจ้งเตือนไปแล้วทำไมยังมีปัญหาเกิดขึ้นอีก หรือเป็นเพราะมีปัญหาเกิดขึ้นไปแล้ว นายกฯ เลยต้องแจ้งเตือนเป็นทางการ
(อ่านประกอบ : ล้อมคอกเงินบริจาคอุทยานราชภักดิ์! 'บิ๊กตู่' สั่งตั้งคณะทำงานดูแลให้ชัดเจน)
นั้นจึงนำมาสู่ข้อสังเกตประการที่สอง คือ คำพูดของนายกฯ ที่ว่า ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทั้งหมด เพราะดูแลทุกกระทรวง ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริตก็ต้องดำเนินคดี
หากจะว่าไป คำพูดประโยคนี้ของนายกฯ ถือเป็นคำพูดที่ถูกต้องที่สุด
เพราะนั้นคือหน้าที่บทบาทความรับผิดชอบโดยตรงของคนที่เป็น "ผู้นำ"
แต่สิ่งที่สาธารณชนคาดหวังกับนายกฯ อย่างมากในขณะนี้ คือ สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนี้ โดยเฉพาะบทบาทความเป็นผู้นำในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวของนายกฯ เอง
โดยในเรื่องความโปร่งใส สิ่งที่นายกฯ สามารถทำได้เลย คือ การสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพบก และมูลนิธิราชภักดิ์ นำข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมด มาเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบ ทั้งจำนวนเงินบริจาค บัญชีการใช้จ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายงานก่อสร้างส่วนต่าง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบงานในแต่ละส่วน ให้สาธารณชนได้รับรู้รับทราบ
ยิ่งถ้า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาการันตีว่า การดำเนินงานทุกอย่างไม่มีปัญหา ข้อมูลก็น่าจะต้องเปิดเผยได้หมด ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรกัน
เพราะเมื่อเป็นเรื่องของเงินบริจาค และเป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะมีการนำเข้า ครม.รวมทั้งการของบประมาณแล้ว ข้อมูลการใช้จ่ายจะต้องมีการเปิดเผย ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยลั่นวาจาไว้ การดำเนินการของรัฐบาลต้องโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ยังเป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารด้วย
ลำดับต่อมา เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายกฯ สามารถสั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ควรปล่อยให้กองทัพบก เป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้เอง เพราะผลการตรวจสอบที่ออกมาน่าจะได้รับการยอมรับจากสาธารณชนมากกว่าในปัจจุบัน
และถ้ายังไม่ลืมกัน ในช่วงหลังการรัฐหารรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งงชาติ (คสช.) ที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งกำหนดแนวทางการทำงานไว้หลายเรื่อง อาทิ
ข้อ 2 กรณีที่มีการกล่าวหาหรือพบเหตุอันควรสงสัยว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำการหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งในฐานะตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ให้หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการบริหารการเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ประกอบกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล โดยให้บังคับใช้มาตรการทางวินัย มาตรการทางปกครอง และมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว
ข้อ 3 ในกรณีการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแล การดำเนินงานให้เป็นไปตามบทบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด
ข้อ 4 กรณีหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการตามข้อ 2 และ ข้อ 3 ให้ถือเป็นความผิดวินัยหรือความผิดทางอาญาแล้วแต่กรณี
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการโยกย้ายพักงานนักการเมือง ท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่โปรงใส ออกจากตำแหน่งไปแล้วนับร้อยคน
แต่น่าสนใจว่า กับกรณีอุทยานราชภักดิ์ บทบาทของนายกฯ ทั้งในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส รวมถึงบทบาทการเป็นผู้นำในการตรวจสอบปัญหาการทุจริต ดูเหมือนจะแสดงออกมาให้ค่อยชัดเจนมากนัก
แถมยังบอกให้สื่อเลิกถามเรื่องนี้ด้วยอีก ทั้งที่ ท่านนายกฯ ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารงานประเทศ ดูแลงานทุกกระทรวง และโครงการอุทยานราชภักดิ์ ก็ถือว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของประเทศด้วย ก็ชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบของนายกฯ ต่อกรณีนี้ มีมากน้อยขนาดไหน
เมื่อรัฐบาล และกองทัพบก ถูกตั้งคำถามในเชิงตรวจสอบการทำงาน ปฏิกิริยาของ นายกฯ เป็นอย่างไรบ้าง?
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่ปัญหาอุทยานราชภักดิ์ ดูเหมือนจะกลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ฝ่ายตรงข้าม หยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีและสั่นคลอนบทบาทการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมไปถึงกองทัพบก
และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะรับไปพิจารณา เพื่อทบทวนบทบาทของตนเอง ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อปิดจุดอ่อนช่องโหว่ไม่ให้ตกเป็นเป้าถูกโจมตีได้อีก ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
โดยเฉพาะในห้วงเวลาสำคัญที่ รัฐบาล และกองทัพบก กำลังเผชิญหน้าวิกฤตศรัทธา "ความน่าเชื่อถือ" จากปัญหาอุทยานราชภักดิ์ แบบนี้
อ่านประกอบ :
"เราไม่ได้ทำผิด-ทำไมต้องหนี" ลูกชายโรงหล่อแห่ง 3 แจงปมพันคดีอุทยานราชภักดิ์
เจอหักค่านายหน้า 12 ล.!เปิดตัว'โผนปฏิมากรรมฯ' โรงหล่อแห่ง2 อุทยานราชภักดิ์
ผบ.ทบ.ลั่นสร้าง‘อุทยานราชภักดิ์’ไม่มีทุจริต! ปมหักหัวคิวให้ถาม ‘อุดมเดช’
ป.ป.ช.ยังไม่พบ จนท.รัฐทุจริตปมสร้างอุทยานราชภักดิ์-ขอข้อมูล ทบ.เพิ่ม
เจอหักค่านายหน้า 12 ล.!เปิดตัว'โผนปฏิมากรรมฯ' โรงหล่อแห่ง2 อุทยานราชภักดิ์
แกะรอย 'อุ๊ กรุงสยาม' เซียนพระคดีอุทยานราชภักดิ์ ถูกทหารเชิญตัวให้ปากคำจริงหรือ?
เปิดตัว'โรงหล่อประติมาไฟน์' ถูกชักหัวคิว 10 % พันคดีอุทยานราชภักดิ์
รอผล ทบ.ก่อน! ป.ป.ช.ยังไม่ลุยสอบปม‘อุทยานราชภักดิ์’
ทรัพย์สิน 22 ล.‘พล.อ.สุรเชษฐ์’ก่อนนั่งรอง ปธ.มูลนิธิราชภักดิ์
เผยโฉมที่ตั้ง'มูลนิธิราชภักดิ์'ทหารเวรอ้างบ้าน'อุดมเดช'
ศรัทธาแห่ง “อุทยานราชภักดิ์” ทำลายไม่ได้! ถ้าการใช้จ่ายเงินโปร่งใส
ใครเป็นใคร 6 กรรมการ 'มูลนิธิราชภักดิ์'
แพร่ประกาศตั้ง"มูลนิธิราชภักดิ์” ประเดิมทุนเริ่มแรก 2แสน 'อุดมเดช' นั่งปธ.
1,288 รายชื่อบริจาคสร้าง'อุทยานราชภักดิ์' กลุ่มทรูมากสุด5ล.-'หมอหยอง' 1 แสน
ตามไปดู! 'อุทยานราชภักดิ์' ในวันที่ 'คนบางกลุ่ม' ทำเรื่องมิบังควร!