คปพ.เปิดตัวมูลนิธิฯ ช่วยคดี ปชช.-ชี้ไทยไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทยเปิดตัวมูลนิธิฯ ช่วยคดีผู้ถูกกลั่นแกล้ง จี้นายกฯ ปลดบอร์ด ปตท.-ก.พลังงาน ฐานเป็นปรปักษ์การตรวจสอบของ ปชช. ด้านนักวิชาการ มธ.เผย 4 ข้อเท็จจริง ไทยไม่ควรเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วประเทศ
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 ที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ นักวิชาการสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหินของไทย ในเวทีแถลงข่าว ‘ประเด็นร้อนพลังงานไทย และก้าวต่อไปของภาคประชาชน’ จัดโดยเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ว่า ไม่มีความจำเป็นต้องก่อสร้างเพิ่มอีกต่อไป โดยให้เหตุผลผ่านข้อเท็จจริง 4 ประการ ดังนี้
1.ไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันมีเกินกว่า 15% ซึ่งเป็นอัตราสำรองมาตรฐาน และเมื่อศึกษาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2558-2579 (Power Development Plan:PDP 2015) จะพบว่า บางปีสูงถึง 46% แม้กระทั่งปีสุดท้ายยังสูง 10% ดังนั้นมีเวลาเพียงพอจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองในปีสุดท้ายสูง 15% ตามอัตรามาตรฐาน
2.โรงไฟฟ้าถ่านหินตามแผน PDP 2015 จะทำให้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 5,300 ราย/ปี ซึ่งเป็นผลการศึกษาของม.ฮาร์วาร์ด ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีถ่านหินดีเพียงใด ก็ไม่สามารถกำจัดมลภาวะทั้งหมดได้ และถ่านหินไม่ได้ราคาถูกตามที่รัฐให้ข้อมูล เพราะยังไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่ผลักภาระให้ประชาชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นจึงถูกเฉพาะเงินต้องจ่ายเป็นค่าเชื้อเพลิง
“รัฐมักเปรียบเทียบโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังงานก๊าซเป็นอาหารหลัก มีราคาถูก ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นอาหารเสริม มีราคาแพง” นักวิชาการ มธ. กล่าว และว่า ตรงกันข้าม คปพ.กลับมองโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังงานก๊าซเป็นอาหารจั๊งฟู๊ด ยิ่งรับประทานมาก สุขภาพยิ่งแย่ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นอาหารออร์แกนิก สามารถรับประทานได้ยั่งยืน
3.ไทยต้องสร้างความสมดุลในแหล่งเชื้อเพลิงพลังงาน ซึ่งปัจจุบันก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งเชื้อเพลิงพลังงานสำคัญที่สุด หากอนาคตต้องการความยั่งยืนควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็น แสงอาทิตย์ ลม ขยะ จะสามารถพึ่งตนเองได้ และไม่เป็นภาระสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ประเทศเจริญแล้วทั่วโลกล้วนลดการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน แม้กระทั่งจีนที่มีภาพลักษณ์ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
4.ภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพียงพอ ฉะนั้นข้ออ้างของรัฐที่ระบุว่า หากไม่เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินไฟจะดับจึงไม่จริง เพราะจากการศึกษาโรงไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ ในภาคใต้มีสำรองสูงสุด 37.4% จากมาตรฐาน 15% ฉะนั้นถือว่าปลอดภัย อย่างไรก็ตาม อนาคตควรเพิ่มกำลังสายส่งมากขึ้นแทน และสนับสนุนโรงไฟฟ้าชีวมวลจากกากปาล์มน้ำมันด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ คปพ.ยังมีข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาให้มีนโยบายเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่นำไปสู่การปรองดองและเป็นปรปักษ์ต่อการตรวจสอบของประชาชน
พร้อมกับเปิดตัวมูลนิธิเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานและทรัพยากรไทย ให้เป็นองค์กรนิติบุคคลดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่อไป ช่วยยกระดับการทำหน้าที่ของภาคประชาชนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเข้าไปช่วยเหลือในทางคดีความ การประกันตัว รวมถึงการฟ้องร้องกลับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหยุดยั้งการกลั่นแกล้งประชาชน โดยมีมาสคอตเป็นผีเสื้อ .