ปธ.ธ.ทหารไทย หวั่นจีดีพีโตไม่ถึง6% ไทยจะเป็นประเทศที่แก่และจน
ภาคเอกชนชี้ธุรกิจไทยไม่เจ๊ง ย้ำสถานการณ์น่าลงทุนเพิ่มขึ้น เชื่อมั่นกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านประเทศCLMVด้วยสินค้าอุปโภคบริโภค ระบุต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐาน
ในช่วงบ่ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 มีการเสวนาในหัวข้อ ‘Thailand Economic Outlook 2016 โอกาส ความเสี่ยง อนาคตเศรษฐกิจไทย’ ในงานสัมมนา ‘Thailand Economic Outlook 2016 อนาคตเศรษฐกิจเติบโตอย่างไรในบริบาทใหม่’ จัดโดย NOW26 และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ณ ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน
ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวถึง สถานการณ์เศรษฐกิจวันนี้ไม่ได้เสียหาย ไม่ได้เจ๊งหากเทียบกับเมื่อปี 2540 เพียงแต่คนรู้สึกไปเองว่า เศรษฐกิจเจ๊งแล้วไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยเลยไม่มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่จากมาตรการต่างๆของรัฐบาลที่ผลักออกมาสามารถสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง จุดสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดการลงทุน และเมื่อลงทุนแล้วจะมีการกระจายรายได้ได้หรือไม่ หากไม่มีการกระจายรายได้ก็จะส่งผลให้ไม่มีกำลังซื้อเช่นเดิม
“ลักษณะของนโยบายที่รัฐบาลผลักดันตอนนี้เบื้องต้นคือมีผลทางด้านทางจิตวิทยา ทำให้คนรู้สึกดีขึ้นพอสมควร จึงเห็นด้วยกับนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของรัฐทุกประการ แต่รัฐต้องไม่ลืมที่จะเตรียมแผนการปรับเปลี่ยนเพื่อรับโลกใหม่ด้วย”
กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวถึงโอกาสของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ว่า สิ่งที่ควรจะต้องให้ความสนใจคือการค้าชายแดน รัฐควรจะเดินหน้าเพราะตลาดสินค้าค่อนข้างโต หากเทียบกับส่งออกขณะนี้ อเมริกา ญี่ปุ่นที่เคยเป็นลูกค้าเราวันนี้เขาไม่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเราเป็นสินค้าอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยให้ความสนใจอย่างจริงจัง
ขณะที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่จีดีพีโตขึ้นเป็นประโยชน์ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอิสระในการดำเนินนโยบายทางการเงิน สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือเศรษฐกิจของจีนที่มีผลกระทบต่อภาคการเกษตรของประเทศไทยที่จะต้องจับตามอง นอกจากนี้การสนับสนุนการใช้เงินทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้จ่ายเงินสด ซึ่งคำนวณทั้งระบบจะช่วยเซฟเงินได้ทั้งหนึ่งแสนล้านบาทหรือ1% ของจีดีพี
นายบุญทักษ์ กล่าวด้วยว่า ตลาดสินค้าของประเทศในกลุ่ม CLMV ขณะนี้เปิดต้อนรับสินค้าจากไทยอยู่แล้วเพียงแต่ว่าตัวเราเองจะลุกขึ้นมาทำหรือไม่ ถ้าจะอยู่แบบไม่ทำอะไรปล่อยให้เศรษฐกิจโตเพียง 2-3% ต่อปีแล้วบอกว่า พอแล้ว ความหวังที่จะหลุดออกจากกับดักรายได้ปานกลางก็จะติดกับดักกันอยู่อย่างนั้น หากต้องการให้หลุดจากกับดักรายได้ปานกลางต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้โตได้ถึง 6% หากทำไม่ได้ ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่ทั้งแก่และจน ฉะนั้นอุปสรรคที่เป็นปัญหาในการพัฒนาขีดความสามารถต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการศึกษา หรือการพัฒนานวัตกรรม
“ประวัติศาสตร์ของประเทศอยู่ในมือทุกคน วันนี้เราจะนำพาประเทศไปสู่จุดไหน จะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคนไทยทุกคนจะลุกขึ้นมาสร้างประวัติศาสตรใหม่ให้ดีขึ้นหรือไม่”
ด้านนายบวร วงศ์สินอุดม ประธานสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายภาครัฐสร้างบรรยากาศให้น่าลงทุนมากขึ้น ขาดอย่างเดียวคือความเชื่อมั่น ทุกวันนี้ภาคธุรกิจพยายามเชิญชวนเอกชนเข้ามา เพราะเอกชนพร้อมลงทุน อย่างไรก็ตามกฎหมายดีๆที่ออกมารัฐจำเป็นต้องใช้บังคับเพื่อให้ง่ายสำหรับลูกค้าด้วย ไม่ใช่ออกกฎหมายให้มีความสะดวกมากขึ้นแต่ในทางปฏิบัติกลับใช้ได้ผล