ดร.สมคิด เล็งใช้เงินประมูลคลื่นความถี่บางส่วนลงทุนที่อยู่อาศัย ยกระดับฐานราก
รองนายกรัฐมนตรีจี้เอกชนลงทุน ย้ำรัฐวางนโยบายปูทางให้แล้ว ระบุรอพึ่งรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียวความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไม่เกิด เล็งนำเงินประมูลคลื่นความถี่บางส่วนมาใช้ลงทุน เรื่องที่อยู่อาศัย การยกระดับฐานราก และการเกษตร
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจNOW26 เปิดเวทีสัมมนา ‘Thailand Economic Outlook 2016 อนาคตเศรษฐกิจเติบโตอย่างไรในบริบาทใหม่’ โดยในช่วงเช้ามีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ยกเครื่องเศรษฐกิจใหม่ Thailand’s New S-Curve” โดยดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องแอทธินี คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน
ดร.สมคิด กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยว่า ไม่ต้องห่อเหี่ยวกังวลว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำกว่าเดิม ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน แต่จะดีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการกระทำของคนไทยในประเทศ ไม่ใช่แค่การมานั่งลุ้นว่าส่งออกจะได้เท่าไหร่ ที่สำคัญต้องเข้าใจด้วยว่าสาเหตุที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเป็นแบบนี้เนื่องจากเราปล่อยปะละเลยโครงสร้างเศรษฐกิจจนเกิดการเสื่อมโทรม เปรียบเทียบก็เหมือนคนป่วยที่ยืนฝ่าลมหนาวแล้วประสบภาวะไม่แข็งแรง เมื่อมาเผชิญกับสภาวะการเมืองที่ไม่ยอมสงบทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ แต่อย่างน้อยที่สุดปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเริ่มสงบ เสถียรภาพทางการเมืองก็เริ่มกลับมา
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ภายหลังจากคณะทำงานเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาทำงานรับใช้ประชาชน ซึ่งจะครบสามเดือนในวันจันทร์หน้า ซึ่งเราได้ออกมาตรการใหญ่ๆ หลายชุด ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน อสังหาริมทรัพย์ หรือเอสเอ็มอี ในช่วงที่ออกมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าคือประชานิยมหรือไม่ ใช้เงินเสียหายหรือไม่ ทั้งๆที่โครงการเหล่านี้ไปช่วงสร้างเม็ดในระบบเศรษฐกิจถึง 5 แสนล้านบาท ใครที่บอกจะสูญเสียเม็ดเงินเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีตรรกะของความจริง หากติดตามข่าวจะเห็นว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ออกมาประกาศจีดีพีว่าขึ้นมาเป็น 2 % นั่นแสดงว่าความมั่นใจเริ่มเกิดขึ้น
“การที่จีดีพีได้มาเท่านั้นสำหรับเมืองไทยถือว่าดีมากแล้ว และหากเหตุการณ์ปลายปีนี้ไม่มีความรุนแรงประชาชนไม่ต้องห่วง เศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่ ดีไม่ดีจีดีพีทะลุ 3% ไม่ได้บอกว่าจีดีพีสำคัญหรือไม่สำคัญ แต่จะบอกว่าจีดีพีขึ้นอยู่กับผลของการกระทำ หากจะมานั่งรอให้การส่งออกดีขึ้นโดยที่ไม่ทำอะไรเป็นสิ่งที่เหลวไหล ถึงแม้สถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้น แต่ทีมเศรษฐกิจก็ยังไม่วางใจ”
ดร.สมคิด กล่าวถึงเงินที่ภาครัฐหนุนนั้นจะช่วงส่งสถานภาพทางเศรษฐกิจได้ถึงไตรมาสหนึ่งในปีหน้า ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมองว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการลงทุนเกิดขึ้นจริง หากมองย้อนสิบปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยโต7-10% ต่อปี แต่ปีที่แล้วเศรษฐกิจโตแค่ 2% เพราะเอกชนไม่มั่นใจในตัวเองและรอที่จะหวังพึ่งให้รัฐกระตุ้นอย่างเดียว เป็นแบบนี้แล้วเศรษฐกิจจะโตไปได้อย่างไร ดังนั้นทุกคนต้องเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และปีหน้าเป็นปีของการลงทุนถ้าไม่ลงทุนปีหน้าจะเก็บเงินไว้ทำอะไร หน้าที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงเป็นส่วนหนึ่งของนักธุรกิจที่พัฒนาตัวเอง ที่ผ่านมาสินค้าเอกชนส่งออกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะแค่ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เป็นเพราะสินค้าเราไม่มีคุณภาพไม่มีจุดแข็ง ถ้าค่าเงินไม่อ่อนตัวก็หรือถูกกว่าคนอื่นแทบส่งออกไม่ได้ สู้เข้าไม่ได้ สาเหตุเกิดจากแบบนี้แล้วควรจะมีความคิดแบบไหนต้องพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนเงินจากการประมูลคลื่นความถี่อาจจะนำบางส่วนมาใช้ในการลงทุนเรื่องการยกระดับฐานราก ที่อยู่อาศัยให้ประชาชน และการเกษตร
“สิ่งที่ทำวันนี้เรากำลังจะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยให้แข็งแรงขึ้น เป็นความมุ่งหวังของรัฐบาลที่จะวางพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ครั้งนี้เป็นการใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส และทีมเศรษฐกิจจะเดินหน้าRoad Show กับต่างประเทศมากขึ้นเพื่อเชิญชวนให้กลุ่มประเทศใหญ่ๆ เข้ามาลงทุนกับประเทศไทย เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่มีคำว่าแย่ลง เพราะไม่มีทางจะแย่ไปกว่านี้แล้ว มีแต่จะดีขึ้น ขอให้ประชาชนมั่นใจ”
ขอบคุณภาพจากmcot.net