‘บิ๊กตู่’ ใช้ ม. 44 เพิกถอนเรือประมง 8,024 ลำ-ยืดเวลาปรับเปลี่ยนอวนลาก
‘ประยุทธ์’ ใช้มาตรา 44 เพิกถอนทะเบียนเรือไทย 8,024 ลำ สำหรับการประมง พร้อมจำหน่ายออกจากสมุดทะเบียน อ้างมีชื่อ แต่ไม่พบเรือหรือเจ้าของ ทิ้งไว้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพรัฐในการควบคุม
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 42/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ 2 รายละเอียดว่า
ตามที่ได้มีการรายงานจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายว่า ปัจจุบันมีเรือประมงที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนเรือเป็นจํานวนมาก แต่จากการสํารวจกลับไม่พบเรือ หรือเจ้าของเรือดังกล่าวเป็นจํานวนถึง 8,024 ลํา กรณีเช่นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของภาครัฐ ในการควบคุมปริมาณเรือให้พอเหมาะกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจําเป็นต้องกําหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปรับปรุงระบบฐานข้อมูลทะเบียนเรือให้ตรงต่อความเป็นจริง
อีกทั้งควรมีการควบคุมการออกอาชญาบัตร ให้ใช้เครื่องมือทําการประมง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้การกําหนดข้อห้ามในการใช้เครื่องมือทําการประมงที่มีอยู่แล้วบางประเภท ส่งผลกระทบต่อผู้ทําการประมงมากจนเกินสมควร จึงสมควรกําหนดให้ขยายระยะเวลาในการกําหนดข้อห้ามดังกล่าวออกไป เพื่อให้ผู้ทําการประมงได้มีระยะเวลาในการจัดเตรียมเครื่องมือทําการประมงใหม่ที่เหมาะสมได้
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยมีคําสั่งเพิกถอนทะเบียนเรือไทย สําหรับการประมงและจําหน่ายทะเบียนเรือออกจากสมุดทะเบียน สําหรับเรือไทยที่มีรายชื่ออยู่ใน ฐานข้อมูลทะเบียนเรือไทย จํานวน 8,024 ลํา ปรากฏรายชื่อตามบัญชีเรือประมงที่ต้องเพิกถอน ทะเบียนเรือท้ายคําสั่งนี้ ให้เจ้าของเรือส่งคืนใบทะเบียนเรือและใบอนุญาตใช้เรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่ง เป็นหนังสือจากนายทะเบียนเรือ
ข้อ 2 เพื่อควบคุมศักยภาพการทําการประมงให้สอดคล้องกับผลผลิตสัตว์น้ำสูงสุด ที่สามารถทําการประมงได้อย่างยั่งยืน ให้ดําเนินการ ดังนี้
1)ห้ามมิให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยทําการเปลี่ยนแปลงข้อมูล รายละเอียดในทะเบียนเรือของเรือประมงเกี่ยวกับขนาดตัวเรือหรือเปลี่ยนแปลงขนาดกําลังของเครื่องยนต์ เว้นแต่การขอเปลี่ยนแปลงขนาดตัวเรือหรือเปลี่ยนแปลงขนาดกําลังของเครื่องยนต์เรือที่อยู่ในฐานข้อมูล ของกรมเจ้าท่า ที่ผ่านการสํารวจตามคําสั่งของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย และได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจากคณะทํางานซึ่งผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไข ปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายแต่งตั้ง
ให้คณะทํางานตามวรรคหนึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เทคนิค ผู้แทนกรมเจ้าท่า และผู้แทนกรมประมง มีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานตรวจเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยและกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือ ในน่านน้ำไทย ทั้งนี้ ให้คณะทํางานแจ้งผลการตรวจสอบตามวรรคหนึ่งเพื่อให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป โดยให้ถือผลการตรวจสอบของคณะทํางานเป็นใบตรวจเรือ ของพนักงานตรวจเรือของกรมเจ้าท่า
2) ห้ามมิให้ผู้มีอํานาจในการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประมงอนุญาตให้มีการโอน หรือเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับอนุญาตในอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทําการประมงในทะเลทุกชนิด และทุกประเภท เว้นแต่การโอนให้บุพการี คู่สมรส ผู้สืบสันดาน หรือตามคําสั่งศาล
3) ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาต ให้ใช้เครื่องมือทําการประมงในทะเลทุกชนิด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
(ก) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทําการประมงในทะเลสําหรับ ผู้ได้รับอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตเดิมอยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
(ข) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทําการประมงสําหรับเรือประมง ที่ได้ยื่นคําขอจดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่าไว้ก่อนหรือในวันที่ 6 สิงหาคม 2558 แต่ต้องดําเนินการ ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่คําสั่งฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
(ค) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทําการประมงสําหรับผู้ซึ่งมีความประสงค์ จะปรับเปลี่ยนอาชญาบัตร จากเครื่องมือทําการประมงที่มีการควบคุมจํานวนตามระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมจํานวนเครื่องมือทําการประมงอวนลาก อวนรุน พ.ศ. 2539 และตามระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุม จํานวนเครื่องมือทําการประมงปลากะตัก พ.ศ. 2543 ไปเป็นอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือ ทําการประมงสําหรับทําการประมงประเภทอื่น หรือการออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือ ทําการประมงอวนรุนเคย ตามวิธีการและขั้นตอนที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ประกาศกําหนด
ทั้งนี้ จนกว่าผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายจะมีคําสั่ง เป็นอย่างอื่น
ข้อ 3 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อ 1 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ข้อ 4 เพื่อให้ผู้ทําการประมงสามารถปรับปรุงเครื่องมือทําการประมงที่มีอยู่และเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการกําหนด ห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมืออวนลาก ที่มีขนาดช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5 เซนติเมตร ช่องตาอวนก้นถุง เครื่องมืออวนลาก ตามข้อ 2 (5) แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมง ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2558
จึงให้ขยายระยะเวลา สําหรับการห้ามใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5เซนติเมตร เป็นตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
ข้อ 5 ประกาศหรือคําสั่งของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ที่ออกตามข้อ 2 (3) (ค) และข้อ 2 วรรคสอง เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
ข้อ 6 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2558 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อ่านประกอบ:รายชื่อตามบัญชีเรือประมงที่ต้องเพิกถอนทะเบียนเรือ เเนบท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 42/2558
ภาพประกอบ:พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-www.siangtai.com