ผบ.ตร. ยัน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ยื่นลาออกจากราชการแล้ว!
ในที่สุด ประเด็นที่คลุมเครือมาตลอดตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับอนาคตในชีวิตราชการของ พลตำรวจเอกประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) และอดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นอย่างไร หลังมีข่าวเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีใหญ่ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ และเจ้าตัวก็ลาพักร้อน หายหน้าไปจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งครบวันลาก็ยังไม่กลับมาทำงาน
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (4 พ.ย.) ประเด็นคลุมเครือดังกล่าวก็กระจ่างแล้วเมื่อ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับระหว่างแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พลตำรวจเอกประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ
"ผมได้ลงนามอนุมัติหนังสือลาออกของ พลตำรวจเอกประวุฒิ แล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามที่ พลตำรวจประวุฒิ ได้ยื่นหนังสือลาออกผ่านสำนักงานกำลังพลตามขั้นตอน โดยขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อกราบบังคมทูล เนื่องจากเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่"
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ กล่าวต่อว่า พลตำรวจเอกประวุฒิ มีเจตนาต้องการลาออกจากราชการ หรือ เออร์ลี่ รีไทร์ มาก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ของ พลตำรวจเอกประวุฒิ นั้น ต้องพิจารณาว่าเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวหรือไม่ เมื่อ พลตำรวจเอกประวุฒิ พ้นไป จะดำเนินการอย่างไร
สำหรับกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ หรือ bike for dad ที่ พลตำรวจเอกประวุฒิ รับผิดชอบอยู่ ได้มอบหมายให้ พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบแทน
ด้านความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีนายทหารยศพันเอก และพลตรี ร่วมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตามที่เป็นข่าวด้วยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้มีการให้การพาดพิงไปถึงนายทหารยศพลตรี ถึงพันเอก จำนวน 40-50 นาย โดยเป็นการซัดทอดกันไปมา หลักฐานยังไม่เพียงพอสำหรับการออกหมายจับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากทวิตเตอร์ของพลตำรวจเอกประวุฒิ