ผอ.สคร.เผยตลาดสินค้าส่งออกไทยไปกลุ่มประเทศ CLMV รุ่ง โตปีละ 10%
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแนะนักธุรกิจจับตาตลาดส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV ระบุโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10% ชี้ไทยได้ประโยชน์ทางการค้า เหตุลดกำแพงภาษีเหลือ 0% ด้านคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ชงรัฐปฏิรูปการลงทุนรับมือการค้า
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 สมาคมเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดแถลงข่าว “การสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2559” ณ อาคารไซเบอร์เวิลด์ ถนนรัชดาภิเษก
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม หรือ กลุ่มประเทศ CLMV นั้น ประชาชนส่วนใหญ่มีความผูกพันกันในเรื่องการค้า ศิลปะ วัฒนธรรม และการเดินทางไปมาหาสู่กันมาอย่างยาวนาน อีกทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว มีกำลังซื้อสินค้าและบริการจำนวนมาก ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาการส่งออกชะลอตัวและติดลบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่การค้ากับกลุ่มประเทศ CLMV กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 10% ทุกปี มากกว่าการส่งออกไปกลุ่มยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น CLMV จึงเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่นักธุรกิจไม่ควรมองข้าม
ดร.เอกนิติ กล่าวถึงบทบาทหากเกิดการรวมตัวกันของประชาคมอาเซียน ว่า กลุ่มสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ที่จะมีกลุ่ม CLMV เป็น 4 ประเทศใหม่ที่จะเข้าร่วมกลุ่มในสิ้นปี 2558 ซึ่งประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทางการค้ากับ CLMV มากที่สุด เนื่องจากทั้ง 4 ประเทศนี้จะลดกำแพงภาษีเหลือ 0% ขณะที่ประเทศอื่นๆในอาเซียน ได้ลดกำแพงภาษีไปแล้ว เมื่อ5 ปีก่อน อีกทั้งการเข้าร่วมหรือเป็นหุ้นส่วนกับกลุ่ม CLMV จะเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม ภาคบริการ และการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยลดข้อกีดกันทางการค้าที่เคยมี และเป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าและบริการได้หลากหลายขึ้น
ดร.เอกนิติ กล่าวถึงทิศทางของเศรษกิจไทยในปี 2559 ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ เพราะไทยยังคงมีทุนสำรองระหว่างประเทศมากกว่าหนี้ต่างประเทศถึง 3 เท่า และมีเม็ดเงินอยู่ในระบบถึง 2.2ล้านล้านบาทซึ่งเราไม่เคยนำเม็ดเงินเหล่านี้มาใช้ลงทุน อย่างไรก็ตามรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในการลงทุนเนื่องจากการลงทุนคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และที่ผ่านมาไทยชะงักเรื่องการลงทุนไปพอสมควร นอกจากนี้การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกลับมาใช้เงินในการบริโภคในประเทศก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ด้วยเช่นกัน
ด้านดร.สกนธ์ วรัญญูวัฒนา คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากประเทศเหล่านี้มองคุณภาพสินค้าไทยเป็นสินค้าพรีเมี่ยม นั่นหมายความว่าตลาดสินค้าไทยมีโอกาสเติบโตสูง อีกทั้งยังได้เปรียบในเรื่องการเคลื่อนย้ายสินค้า ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ไทยจะปฏิรูปเรื่องการลงทุน เพราะนี่ถือเป็นโอกาสที่ไทยจะใช้ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ