ศาลฎีกาฯฟัน 6 นักการเมือง ตจว. ‘จงใจ’ซุกทรัพย์สิน ปรับเงิน-จำคุก 1-2 เดือน
ศาลฎีกาฯพิพากษา นักการเมืองท้องถิ่น 6 ราย จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ปรับ 4,000-8,000 บาท จำคุก 1-2 เดือน ให้รอลงโทษคนละ 1 ปี เป็น ส.ท. รองนายกฯ เลขาฯอบต. จ.ชลบุรี นครปฐม พัทลุง 1 คนพ้นตำแหน่งทันที ยอดรวมผิด 49 คน ยกคำร้อง 1 คน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อ 28 ต.ค. 58 และ 30 ต.ค.58 สำนักงานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯกรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จำนวน 6 ราย และศาลฎีกาฯพิพากษามีความผิดทั้ง 6 ราย (ดูตารางประกอบ)
1.นายวรวัฒน์ แสงบริสุทธิ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 9 มี.ค.55 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่งอันเป็นเหตุแห่งการยื่นคำร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่สอง ในวันนี้ (25 ส.ค.58) อันเป็นวันที่ศาลฎีกาฯวินิจฉัยด้วย กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.53/2558 -25 ส.ค.58)
2.นายวรวุฒิ โมลีวงศ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 9 มี.ค.55 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56(คดีหมายเลขแดงที่ อม.54/2558 -25 ส.ค.58)
3.นายประดิษฐ์ สถิตวัฒนวิบูลย์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 1 พ.ย.56 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายก อบต.ถนนขาด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.58/2558 -2 ก.ย.58)
4.นายสำเริง ช้อยจินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตลาดจินดา จ.นครปฐม จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 2 ส.ค.56 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56(คดีหมายเลขแดงที่ อม.60/2558 -2 ก.ย.58)
5.น.ส.นันทนา ใบวงษ์งาม เลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 11 พ.ค.55 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.64/2558 -22 ก.ย.58)
6.นายสานิตย์ จำนงค์ เลขานุการนายกเทศมนตรี ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณี พ้นจากตำแหน่งครั้งที่ 1 และรับตำแหน่งครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 24 ก.ย.58 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯมีคำวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท
ผู้คัดค้านให้รับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับการลงโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.74/2558-24 ก.ย.58 )
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 48 รายถูกศาลฎีกาฯพิพากษา “มีความผิด” จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และ กรรมการรัฐวิสาหกิจ 1 ราย (รวม 2 ประเภท 49 ราย)
มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 1 รายที่ศาลฎีกายก ‘คำร้อง’ ของ ป.ป.ช. คือ นายสมยศ วัฒนมงคล เลขานุการประธานสภากรุงเทพมหานคร ศาลฯวินิจฉัยว่า นายสมยศไม่มีหน้าที่ต้องยื่น เพราะไม่เป็นเป็น ‘ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ตามประกาศ ป.ป.ช. แม้เจ้าตัวยอมรับสารภาพก็ตาม
(อ่านประกอบ: รายแรกใน 44 คดี!ศาลฎีกาฯ‘ยกคำร้อง’ เลขาฯปธ.สภา กทม.จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ)
รวมคดีประเภทไม่ยื่นบัญชีฯ ผู้ถูกร้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง และกรรมการรัฐวิสาหกิจ ศาลฯวินิจฉัยแล้วในปีนี้(2558) ทั้งสิ้น 50 คดี
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯฟันรายที่ 43 นักการเมือง จ. มุกดาหาร จงใจซุกทรัพย์สิน
ตารางผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกศาลฎีกาฯพิพากษามีความผิด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน(เผยแพร่ 28 ต.ค.และ 30 ต.ค.58)
ชื่อ | พฤติการณ์-ความผิด | คำพิพากษา |
1.นายวรวัฒน์ แสงบริสุทธิ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
(คดีหมายเลขแดงที่ อม.53/2558 -25 ส.ค.58)
|
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี |
-ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 9 มี.ค.55 -ให้ผู้พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่สอง ในวันนี้ (25 ส.ค.58) -จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี |
2.นายวรวุฒิ โมลีวงศ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองพนัสนิคม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.54/2558 -25 ส.ค.58)
|
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี |
-ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 9 มี.ค.55 -จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี |
3.นายประดิษฐ์ สถิตวัฒนวิบูลย์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม (คดีหมายเลขแดงที่ อม.58/2558 -2 ก.ย.58)
|
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี |
-ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 1 พ.ย.56 -จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี |
4.นายสำเริง ช้อยจินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตลาดจินดา จ.นครปฐม (คดีหมายเลขแดงที่ อม.60/2558 -2 ก.ย.58)
|
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี |
-ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 2 ส.ค.56 - จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดง ที่ อม.60/2558 -2 ก.ย.58) |
5.น.ส.นันทนา ใบวงษ์งาม เลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.64/2558 -22 ก.ย.58) |
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี |
-ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 11 พ.ค.55 - จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี |
6.นายสานิตย์ จำนงค์ เลขานุการนายกเทศมนตรี ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง
(คดีหมายเลขแดงที่ อม.74/2558-24 ก.ย.58 ) |
จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณี พ้นจากตำแหน่งครั้งที่ 1 และรับตำแหน่งครั้งที่ 2 |
-ให้ผู้พ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 24 ก.ย.58 ความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี |
ที่มา:สำนักข่าวอิศรา รวบรวมจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง