'นิพิฐ'เปิดหน้าสู้! ร้อง'ไพบูลย์'สอบปมปลูกปาล์มอินโดฯ-ปตท.สวนผิดปกติจริง
“นิพิฐ” เปิดห้องคุยสื่อ เดินหน้าสู้! ร้อง “พล.อ.ไพบูลย์” สอบปมปลูกปาล์มน้ำมันอินโดนีเซียเจ๊ง 2 หมื่นล้าน ยันซื้อที่ดินถูกต้อง-ไม่ทับซ้อน ไม่รู้ปมจ่ายค่านายหน้าแพง 40% เผยถูกไล่ออกเพราะทำก่อนบอกทีหลัง ยันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ - ปตท. สวนทันควัน มีความผิดปกติจริง เตรียมขายทุกโครงการแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2558 ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด ถ.รัชดาภิเษก นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ในฐานะผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจปาล์มน้ำมัน 5 แห่งที่อินโดนีเซีย เชิญสื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์พิเศษ ภายหลังถูกมติคณะกรรมการ ปตท.สผ. ไล่ออกช่วงปลายเดือน ก.ย. 2558 และถูกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ (PTTGE) ยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายนิพิฐ กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีที่ถูก ปตท. กล่าวหาซื้อที่ดินพรุ และทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวน ทำให้ปลูกต้นปาล์มไม่ได้และเกิดความเสียหาย ว่า ขั้นตอนการเข้าไปทำสัมปทาน เบื้องต้นไม่ใช่จะเข้าไปซื้อได้เลย แต่ต้องดู Location Permit หรือพื้นที่ที่ทางการอินโดนีเซียอนุญาตก่อน หลังจากนั้นจึงขอกับทางการส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ เพื่อขออนุญาตปลูกปาล์มน้ำมันหรือที่เรียกว่า IPU ซึ่งในส่วนนี้จะสามารถปลูกได้ แต่ยังไม่สามารถเก็บได้ ต้องขอสิทธิบัตรใหญ่สุดก่อน หรือ HGU เมื่อได้มาแล้วจึงสามารถเก็บผลผลิตได้ ซึ่ง HGU จะเป็นสิทธิบัตรใหญ่ที่สุดในการปลูกปาล์มน้ำมัน ต่อให้ทับซ้อนกับพื้นที่ไหน เราก็ชนะ เนื่องจากทางการอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับการปลูกปาล์มน้ำมันมาก
นายนิพิฐ กล่าวอีกว่า ที่ ปตท. กล่าวหาว่า ปลูกทับซ้อนกับดินพรุ หรือป่าสงวนนั้น สำหรับดินพรุหากลึกไม่เกิน 3 เมตร ทางการอินโดนีเซียเขาก็อนุญาตให้ทำ เราก็มีการปลูกปาล์มในพื้นที่ดินพรุเช่นกัน แม้จะลงทุนเพิ่มอีก 30% แต่ก็ได้ผลผลิตเพิ่มอีก 30% เช่นเดียวกัน และการได้มาซึ่ง HGU ทางการอินโดนีเซียจะต้องพิจารณาแล้วว่า พื้นที่เราไม่ไปทับซ้อนกับป่าสงวนหรือพื้นที่ที่ปลูกไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นการถูกกล่าวหาว่าซื้อพื้นที่ใช้งานไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้
ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหา มีการจ่ายค่านายหน้าเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นกว่า 40% นั้น นายนิพิฐ กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนทำโครงการดังกล่าว ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งตรงนี้เป็นบริษัทของอินโดนีเซีย เพื่อศึกษาดูว่าสามารถลงทุนกับบริษัทใดได้บ้าง จึงจำเป็นต้องจ้างมา ส่วนการจ่ายค่านายหน้า PTTGE ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของบริษัทที่เข้ามาร่วมลงทุนกับเรา และบริษัทที่ปรึกษาเท่านั้น จึงไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้ ส่วนเหตุผลที่ถูกไล่ออกเนื่องจาก ปตท. กล่าวหาว่า ตนทำผิดขั้นตอน ไม่ยอมแจ้งรายละเอียดก่อนดำเนินการ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรไปก็ตาม ทำแล้วต้องเป็นผลดีกับหน่วยงานที่ตนอยู่ และก่อนจะทำได้ให้สัตยาบันกับคณะกรรมการ PTTGE ทุกครั้ง ถ้าต้องกลับมาขอคณะกรรมการ ปตท. ก่อนทุกครั้ง โครงการอาจจะช้า และอาจจะเจ๊งไปเลยก็ได้
นายนิพิฐ กล่าวอีกว่า ยืนยันที่ผ่านมาในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งกรรมการ PTTGE ระหว่างปี 2552-2555 ไม่เคยมีการกระทำการทุจริต ผลการสอบ 4 ครั้งของ ปตท. และ PTTGE ไม่เคยเรียกตนหรือผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ แต่กลับสรุปผลการสอบส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ทั้งที่ในผลการสอบไม่พบว่ามีการทุจริต เพียงแต่เห็นว่า กระทำการโดยขัดกับมติคณะกรรมการ ปตท. ซึ่งถือเป็นความผิดทางวินัยเท่านั้น ส่วนภายหลังปี 2555 ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการทุจริตหรือเสียหายอย่างไรหรือไม่ เพราะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว
นายนิพิฐ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับเตรียมฟ้องต่อศาลแรงงาน เนื่องจากขณะนี้ไม่ได้รับเงินชดเชย หรือได้รับบำนาญแม้แต่บาทเดียว และเตรียมจะฟ้องอาญากับคณะกรรมการ ปตท. ด้วย ส่วนเรื่องที่จะคุยกับ ปตท. เพื่อไกล่เกลี่ยยอมรับว่า สามารถคุยได้ แต่จะคุยเฉพาะประเด็นเรื่องเงินชดเชยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่เอกสารข่าว โดยนายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวถึงกรณีโครงการลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมัน ประเทศอินโดนีเซีย ว่า สืบเนื่องจากมีการตรวจสอบภายในของ ปตท. จนพบความผิดปกติของขั้นตอนการได้มาซึ่งหุ้นบริษัทและสิทธิสัมปทานในพื้นที่ปลูกปาล์ม โครงการของบริษัท ปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PTTGE) จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบวินัย และ นำเรื่องส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่ออดีตผู้บริหารตามลำดับ ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการดำเนินคดีและการตรวจสอบ ปตท.ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องเคารพการดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรม ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีในชั้นศาลและ ป.ป.ช.
สำหรับการดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูในโครงการปลูกปาล์มทั้ง 5 โครงการ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด คณะผู้บริหารของ PTTGE ชุดปัจจุบัน ได้เข้าไปศึกษาหาแนวทาง ลดค่าใช้จ่าย บริหารพันธะสัญญาต่างๆ และแก้ปัญหาคดีความที่เกิดขึ้นก่อนหน้า รวมไปถึงการบริหารจัดการในพื้นที่ และทรัพยากรบุคคลให้ถูกต้องตามกระบวนการและข้อกฎหมาย
นายปิติพันธ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ดำเนินการฟื้นฟู ได้พบว่าโอกาสการสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการมีความเป็นไปได้น้อย ที่สำคัญยังจะมีมูลค่าลดลงตามระยะเวลา เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการจากสภาพแวดล้อมและศักยภาพลงทุนที่เปลี่ยนไป เช่น รัฐบาลอินโดนีเซียมีการปรับนโยบายการสนับสนุนธุรกิจปาล์มน้ำมัน รวมถึงความไม่เชี่ยวชาญในธุรกิจการเกษตร คณะกรรมการบริหาร ปตท. จึงมีมติให้ขายโครงการทั้งหมด โดยได้แต่งตั้งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการจัดประมูลขายตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้ติดต่อเชิญบริษัทต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศอินโดนีเซียและต่างประเทศ เบื้องต้นมีผู้แสดงความสนใจมากกว่า 30 ราย หลังดำเนินการเจรจากับผู้สนใจมานานกว่า 1 ปี PTTGE สามารถขายได้ 3 โครงการ ส่วน 2 โครงการที่เหลือยังอยู่ในกระบวนการเจรจากับผู้สนใจต่อไป
“ในการดำเนินการด้านกฎหมายและการขาย โครงการตามที่กล่าวมาข้างต้น ปตท. ขอยืนยันว่า เป็นไปตามหลักการบริหารจัดการธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาล และปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2551 ที่กำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร จะต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด” นายปิติพันธ์ กล่าว
อนึ่ง ปตท. เริ่มลงทุนโครงการปาล์มน้ำมัน ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนกระทั่งในปี พ.ศ.2555 ได้พบความผิดปกติเนื่องจากการลงทุนเกิดความเสียหายขึ้น จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อพบมูลความผิดก็ทำการรวบรวมเอกสารยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้เข้าตรวจสอบโครงการในปี พ.ศ. 2556 พร้อมทั้งมีมติให้ขายโครงการทั้งหมดในปีดังกล่าว
อ่านประกอบ :
ซีอีโอใหญ่ ปตท.ให้ถ้อยคำ ป.ป.ช.ปมปลูกปาล์มฯเจ๊งแล้ว สาวลึกใครเอี่ยวบ้าง
“นิพิฐ”ขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. อ้างบอร์ด ปตท.ทำปลูกปาล์มฯเจ๊ง
เจาะคำแก้ต่างคดีปลูกปาล์มน้ำมันอินโดฯ “นิพิฐ”อ้างไม่เคยทุจริต-ทำเจ๊ง!
“นิพิฐ”ดอดขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. อ้างบอร์ด ปตท.ทำปลูกปาล์มฯเจ๊ง
“นิพิฐ”อ้างบอร์ด ปตท.สมคบกันทุจริตทำโครงการปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง
สั่งถอนลงทุน-ฟ้องแพ่งผู้บริหาร! ปตท.พร้อมร่วมมือสอบทุจริตปลูกปาล์มอินโดฯ
เปิดผลสอบ ปตท.ปมปลูกปาล์มอินโดฯ ชนวนทำ“บิ๊ก ปตท.สผ.”พ้นเก้าอี้
บอร์ด ปตท.สผ.ให้ “นิพิฐ”พ้นสภาพพนักงานปมปลูกปาล์มอินโดฯ-ฟ้องอาญาสู้
ป.ป.ช.ยกคำร้อง“บิ๊ก ปตท.สผ.”ค้านอนุฯสอบปมปลูกปาล์มน้ำมันอินโดฯ
“บิ๊ก ปตท.สผ.”ทำหนังสือค้าน 5 อนุฯป.ป.ช.สอบปมปลูกปาล์มน้ำมันอินโดฯ
ศาลไฟเขียว“บิ๊ก ปตท.สผ.”ขอเลื่อนคำให้การคดีปลูกปาล์มอินโดฯ 4 ก.ย.-ทนายถอนตัว
ปตท.สผ.แจงเหตุสอบช้า “บิ๊ก” คดีปลูกปาล์มฯ ยันเอกสารเยอะ-ย้ายมาส่วนกลางแล้ว
บอร์ด ปตท.มีมติไล่ออก"บิ๊ก"ปมปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง2หมื่นล.-สผ.ดองข้ามปี
เจาะพฤติกรรม“บิ๊ก ปตท.สผ.”ปมถูกฟ้องเรียก 2 หมื่นล.คดีปลูกปาล์มอินโดฯ(1)
เจาะพฤติกรรม“บิ๊ก ปตท.สผ.”ปมถูกฟ้องเรียก 2 หมื่นล.คดีปลูกปาล์มอินโดฯ(จบ)
ฟ้องบิ๊ก ปตท.สผ.เรียก 2 หมื่นล.กล่าวหาทุจริตคดีปลูกปาล์ม อินโดฯ
บอร์ด ปตท.มีมติไล่ออก"บิ๊ก"ปมปลูกปาล์มอินโดฯเจ๊ง2หมื่นล.-สผ.ดองข้ามปี
ปตท.ระทึก!อนุฯ ป.ป.ช.พบปมซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ปท.อินโดฯ เล็งชี้มูล 2 โครงการ
ป.ป.ช.พบตัวละครคดีข้าวจีทูจีโยงซื้อขายมันเส้น!-สอบปตท.ปมปลูกปาล์มในอินโดฯ
ป.ป.ช.เหลือสอบพยานคดีปลูกปาล์มอินโดฯ 6-7 ปาก ขีดเส้น 2 เดือนเสร็จ