มีแม่น้ำประชาธิปไตยขัดแย้งขวาง! “บิ๊กตู่”ลั่นต้องพาข้าม-ถามนับถือคนหนีคดีได้หรือ
“บิ๊กตู่” เปรียบประเทศมีแม่น้ำประชาธิปไตยแบบขัดแย้งขวางอยู่ ต้องพาทุกคนข้ามให้ได้ บางคนดันทุรังว่ายน้ำก็ตายไป ซัดพวกหนีคดีให้กลับมาพิสูจน์ความยุติธรรมในไทย ไม่ใช่เอาแต่ประจาน ถามนักการเมืองยังนับถือคนเหล่านี้ได้หรือ ซัดพวก ‘กเฬวราก’ ชอบอ้างประชาธิปไตย ทำไมไม่พูดว่าไม่ทำผิดกฎหมายบ้าง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2558 ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หรือ “แม่น้ำ 5 สาย” เพื่อหารือเรื่องโร้ดแม็พการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรก ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ปรับคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 3 พร้อมกับแต่งตั้ง สปท. กับ กรธ. ขึ้นมาแทนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญที่สิ้นสุดไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเมืองต้องเดินหน้าสู่อนาคต ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง ประเทศต้องใช้วิธีการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่จะทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ทุกคนต้องยอมรับ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมีวันนี้ เพราะฉะนั้นอย่าบิดเบือน ต้องก้าวให้พ้นกับดักประชาธิปไตยด้วย นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเดินหน้าประเทศได้ อยากขอร้องบรรดานักการเมืองไม่ว่าพรรคไหน คิดว่าจะทำอย่างไรให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปลอดภัย และมั่นคง ทำให้ประชาชนมีความสุข ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจลดอย่างไร ขาดความเชื่อมั่นอย่างไร ไม่ใช่ตน แต่เพราะทุกคนทำทั้งสิ้น ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน มันส่งผลถึงอนาคต ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งตลอด และไม่เคยแก้ไขปัญหาได้ ถ้าย้อนกลับมาแก้ไขได้ ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น กลับมาสู้กระบวนการยุติธรรม ถ้าว่าไม่เป็นธรรมให้กลับเข้ามา ไม่ใช่ต่อสู้ข้างนอก ถามหน่อยว่ายังนับถือคนเหล่านี้อีกหรือ ตนไปที่ไหนก็อาย มีคนระดับใครก็ไม่รู้ หนีไปต่างประเทศ แล้วประจานประเทศไทย นักการเมืองยอมรับหรือ ก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร ไม่บอกว่าผิดหรือถูก แต่ต้องกลับมาพิสูจน์ทราบด้วยตัวเอง อย่าอ้างนู่นอ้างนี่
“วันนี้ต้องเลิกแล้ว การปลุกปั่นบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเกลียดชัง ไม่อย่างนั้นก็อยู่เหมือนเดิม ย้อนกลับไปที่เก่า ลองเปรียบสถานการณ์บ้านเมืองว่า ประเทศเรามีแม่น้ำเส้นหนึ่งขวางอยู่ แม่น้ำประชาธิปไตยของท่านนี่แหละ และทุกคนกำลังข้ามแม่น้ำอยู่ พวกเราก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำนี้ ข้ามแม่น้ำประชาธิปไตยที่ขัดแย้งไปไม่ให้ได้ บางคนก็พร้อมข้าม บางคนชอบจะลุยน้ำ บางคนก็ว่ายน้ำ ว่ายไม่เป็นก็ว่ายไป ก็ตายข้างล่าง เราต้องเอาทุกคนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำประชาธิปไตยให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ของโร้ดแม็พ คาดว่าคงถึงปีหน้า ต้องขอบคุณคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะบาดเจ็บ บาดแผลเต็มตัว ก็ขอขอบคุณ และให้กำลังใจพวกท่าน ไม่เคยตำหนิ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้น ประเทศไทยไม่เคยชินกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าทำแล้วเหมือนเดิมอย่างเข้ามา เป็นผู้นำต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีอนาคตมากขึ้น ไม่ใช่เข้ามาแล้วกลับไปที่เก่า ทำยังไงให้ประชาชนรักรัฐบาล ร่วมมือกับรัฐบาล
ส่วนสูตร 6-4-6-4 ในโร้ดแม็พการร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะสนใจอะไร ถ้าผ่านก็ไม่ใช้สูตรนี้ แต่ถ้าไม่ผ่านก็ต้องยอมรับ ตนจะอยากอยู่ไปทำไม อยากจะถามนักการเมืองเหมือนกันว่าทำไมอยากอยู่ ตอบได้หรือไม่ ถ้าถามตน ตอบได้ว่าจะอยู่เท่าที่จำเป็น
“แต่พวกกเฬวรากข้างนอกชอบพูดแบบกลับไปกลับมา เคยพูดชัดเจนหรือไม่ ต่อไปนี้ไม่ทำผิดกฎหมาย ดีแต่ประชาธิปไตยอยู่นั่นแหละ อ้างว่าผมจะสืบทอดอำนาจ ทั้งรองนายก ทั้งผมโดนหมดว่าอยากมีอำนาจ อยากเป็นนายกฯ จะเป็นไปทำอะไร ถ้าเข้ามาทำงาน จะรู้ว่าตำแหน่งตรงนี้ไม่ใช่สบาย เพราะแบกคน 70 ล้านคน ทำยังไงเขาจะมีความสุข ต้องเผื่อแผ่แบ่งปันมากน้อยกันไป แล้วแต่ความเข้มแข็งของเขา ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็เป็นอยู่แบบนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีที่ถูกมาตรา 44 (ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557) ก็รัฐประกาศแล้วว่าห้ามทำอย่างนี้แล้วทำทำไม พอทำแล้วก็บอกว่ารังแก ไม่งั้นก็ปฏิเสธให้ทุกกฎหมายสิ ตนพยายามทำให้บ้านเมืองปกติ ก็ต้องใช้อำนาจพิเศษ แต่วันนี้เริ่มไม่กลัวกันอีกแล้ว ก็ระวังตัวไว้แล้วกัน พวกชอบมาแถลง ตัวเองก็มีคดีติดเยอะแยะไปหมด ไม่เคยกลัวอะไรเลย มีการประกันตัวเยอะแยะไปหมด แต่ก็ออกมาพูดกันอยู่ได้ ศาลถอนประกันก็หาว่ารังแก คุณรังแกตัวเองทั้งสิ้น จะอะไรกันนักหนา จะเรียกประชาธิปไตยวันนี้ แต่ตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์อยู่ จะมาเรียกอะไร ไว้ไปเรียกวันเลือกตั้งนู่น
@เตือนอย่านำ ‘สถาบันฯ’ มาเกี่ยวข้องกับการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีบางฝ่ายว่าท่าน จะว่าสถาบันฯทำไม ทำไมต้องเอาท่านลงมาเกี่ยวข้อง ท่านพระราชทานอำนาจมาอยู่ตรงนี้แล้ว 3 อำนาจ นิติบัญญัติ ตุลาการ บริหาร ท่านทำอะไร ท่านอยู่เหนือความขัดแย้ง อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ท่านลงพระปรมาภิไธยในกฎหมาย ท่านมอบมาแล้ว อย่าหาว่าท่านสั่งนู่นสั่งนี่ ท่านครองราชย์มาหลายสิบปี พระองค์ท่านทรงทราบ แต่กลับเอาท่านมาสู้กันอีก ก็เป็นอยู่แบบนี้ ขออย่าเอาท่านลงมา พวกตนยอมไม่ได้
“มีบางคนได้รับนิรโทษแล้ว ก็มาทำใหม่อีก พวกนี้ไม่ตายดี เจ็บป่วยเรื่อย ๆ เดี๋ยวคอยดูเถอะ ไม่มีใครอยู่ดีทั้งหมด วันนี้ถล่มกันจนเละ บอกว่าผมไม่ดูแล ผมสั่งปิดเว็บไซต์ ปิดไหวหรือไม่ ปิดนี่ ก็มีเปิดใหม่ นี่คือเสรีภาพในการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ทุกคนมีสิทธิมนุษยชนที่จะด่าใครก็ได้หรือไม่ ไปคิดกันมา ต่างประเทศเขามีกฎหมายแบบเราหรือเปล่า ประเทศอื่นเขาไม่มี เขานึกไม่ถึงทุกเรื่อง เขามองมุมองแบบตะวันตก เราเหมือนเขาหรือไม่ เราจะเหมือนเขาทุกอย่างได้หรือ ให้ไปหาวิธีการปฏิรูปมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว