ปิดสำนวนสอบ!'อิศรา'แกะรอยเงินปริศนาคนสกุล 'เสี่ยเปี๋ยง' เบ็ดเสร็จ 7.2 พันล.
ปิดสำนวนสอบ 'อิศรา' แกะรอยเงินปริศนาคนสกุล 'เสี่ยเปี๋ยง' เบ็ดเสร็จ 7.2 พันล. หลักฐานใหม่คดีข้าว "สรวิศ" ลูกชาย ถึงมือ 'ป.ป.ช.' รอลุ้นขยายผลไต่สวนเชิงลึกต่อ
นับตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าวในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกตรวจสอบพบปัญหาความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ในขั้นตอนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้แบบเจาะลึกด้วย ในฐานะสื่อที่ทำหน้าที่เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์สาธารณะ
ทั้งการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเบื้องหลังกระบวนการระบายข้าว ความเชื่อมโยงของตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนในส่วนของบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ที่ถูกตรวจสอบพบว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการนำข้าวจากสต็อกรัฐบาล ออกไปจำหน่ายให้กับผู้ส่งออกภายในประเทศโดยใช้ชื่อบริษัทจีนเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ ในรูปแบบ จีทูจี
อย่างไรก็ดี มีข้อมูลสำคัญส่วนหนึ่ง ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบ และหน่วยงานตรวจสอบของภาครัฐ นำไปใช้ประโยชน์ขยายผลการสอบสวนกรณีการระบายข้าวจีทูจีด้วย
คือ เส้นทางการเงินปริศนาของบุคคลผู้ใกล้ชิด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" อดีตนักธุรกิจค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังจากที่โครงการรับจำนำข้าวถูกตรวจสอบพบว่ามีปัญหาความไม่โปร่งใส่เกิดขึ้น
โดยข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินปริศนาของบุคคลใกล้ชิด นายอภิชาติ ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบ นับจนถึงขณะนี้ มี 2 ก้อนใหญ่ คือ รวมเป็นวงเงินกว่า 7,200 ล้านบาท
เงินก้อนแรก จำนวน 2,200 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลเงินก้อนนี้ หลังจากขยายผลการตรวจสอบการทำธุรกิจของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงปลายปี 2557
โดยมีการตรวจสอบพบว่า บริษัท สิราลัย จำกัด จดทะเบียนวันที่ 5 มีนาคม 2555 ทุน 2,200 ล้านบาท แจ้งประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงานที่พักอาศัยรวมปลูกสร้าง ปรากฎชื่อนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร (นามสกุลเดียวกับ “เสี่ยเปี๋ยง” หรือ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ) เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.0250% ซึ่งมีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่เลขที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า คือ เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว ช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท มีผู้ถือหุ้น 4 ราย คือ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ถือหุ้นจำนวน 8,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถือหุ้น 1,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร ถืออยู่ 99 หุ้น นางสาวสุธิดา จันทะเอ ถืออยู่1หุ้น. จากทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 2 มีนาคม 2555 แยกเป็นนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 200,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 47,500 บาท นายธนทัต จันทร์สกุลพร 2,475 บาท และ นางสาวสุธิดา จันทะเอ 25บาท
ต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็น 1,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 12,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 18 มิถุนายน 2555 แยกเป็น นายธนทัต จันทร์สกุลพร 119,900,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร. 479,600,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 599,500,000 บาท
ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นในมือผู้ถือหุ้นที่ 4 ราย มีการเปลี่ยนแปลง ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2555 โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 6,003,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 4,797,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,199,099 หุ้น ขณะที่สัดส่วนหุ้นของ นางสาวสุธิดา จันทะเอ ยังเท่าเดิมคือ ถืออยู่ 1 หุ้น
จากนั้น วันที่ 29 สิงหาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เหลือ 3 ราย โดยปรากฏชื่อ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 4,800,000 หุ้น ขณะที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร และ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่คนละ 3,600,000 หุ้น ขณะที่ นายธนทัต จันทร์สกุลพร และนางสาวสุธิดา จันทะเอ ไม่มีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นอีก
ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็นครั้งที่ 2 เป็น 2,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 22,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 15 ตุลาคม 2555 แยกเป็น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 300,000,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร. 300,000,000 บาท และ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข 400,000,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัทสิราลัย จำกัด ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น "บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด" พร้อมเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น จำนวน22,000 หุ้น มูลค่า 2,200 ล้านบาท ทั้งหมด ภายหลังจากที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท สิราลัย ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนจำนวน 91 ราย ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวในโครงการรับจำนำแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ มีบริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น มูลค่า 2,199,999,800 บาท ตามด้วยนายพีรศักดิ์ ไชยกุลงามดี และนายยุทธพงศ์ เสรีดีเลิศ ถืออยู่คนละ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
ไม่ปรากฏชื่อคนนามสกุล จันทร์สกุลพร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด
ก่อนที่ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้ามาซื้อกิจการ ของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ต่ออีกครั้ง
ขณะที่ ADAM แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้เข้าไปซื้อหุ้น KITHA จำนวนรวม 21,999,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ KITHA จาก บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (T LAND) ในราคา 800 ล้านบาท และมีการระบุข้อมูลว่า KITHA เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ และมีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน
ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ปรากฎข้อมูลที่ชัดเจนว่า คนนามสกุล จันทร์สกุลพร นำเงิน 2,200 ล้านบาท จากไหนมาใช้ในการเพิ่มทุนบริษัทฯ กันแน่?
(อ่านประกอบ : เปิดหลักฐาน คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง"ขนเงินสด2.2พันล.ลงขันธุรกิจ ก่อนเจอคดีข้าว ,หลักฐานครบชุด"คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง ขนเงินสด 2.2 พันล.รอผลป.ป.ช.ชี้คดีข้าว , 3คำถาม!เส้นทางเงินบ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"คดีข้าวจีทูจี ก่อน-หลังโอนหุ้นเกลี้ยง 2.2 พันล.
เงินก้อนที่สอง จำนวน 5,000 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลเงินก้อนนี้ จากการเข้าไปตรวจสอบงบการเงินบริษัท เมอร์รี่ไรซ์แลนด์ จำกัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2556 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ปรากฎชื่อนาย สรวิศ จันทร์สกุลพร ลูกชาย นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่เพิ่งนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ปี 2556และ 2557 พร้อมกัน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบงบการเงินปี 2556 บริษัทฯ ระบุว่า มีเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทเอกชนต่างประเทศ จำนวน 5,000 ล้านบาท แต่ไม่มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญากู้เงิน แต่อย่างใด
ขณะที่ ในงบการเงินปี 2557 ระบุว่า บริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ มีการปล่อยเงินให้กิจการที่เกี่ยวข้องไปเป็นจำนวน 3,173 ล้านบาท แยกเป็น 2 สัญญา สัญญาแรกวงเงิน 2,933 ล้านบาท สัญญาที่สองวงเงิน 240 ล้านบาท ไม่มีการวางค้ำประกันเงินกู้เช่นกัน
นอกจากนี้ มีการระบุไว้ในหมายเหตุงบการเงินชัดเจนว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 จนถึงปัจจุบัน บริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ มิได้ประกอบธุรกิจหลัก แต่อย่างใด
จากการตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงก่อตั้งบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ นายสรวิศ มีอายุเพียงแค่ 24 ปี ส่วนที่ตั้งของบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ แจ้งที่อยู่ที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า ที่ จ.อ่างทอง
ขณะที่ ในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ มีการใช้คนจากบริษัทสยามอินดิ ก้าเข้ามาช่วย ทั้งการร่วมถือหุ้น ทำบัญชี หรือแม้กระทั่งผู้สอบบัญชี ก็ใช้คนชุดเดียวกับของบริษัทสยามอินดิก้า
ทั้งนี้ กรณีเงินที่ก้อนสอง จำนวน 5,000 ล้านบาทดังกล่าว
สำนักข่าวอิศรา ได้ตั้งข้อสังเกตใน 4 ประเด็นหลักไว้ คือ
1. ทำไมบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ ของนายสรวิศ ถึงได้รับความไว้วางใจจากเอกชนต่างชาติรายนี้ ให้กู้เงินเป็นจำนวนสูงถึง 5,000 ล้านบาท แถมบริษัทฯ ยังนำเงินไปปล่อยกู้ต่อได้อีก
2. บริษัทเอกชนต่างประเทศ ที่ให้กู้ยืมเงินจำนวนถึง 5,000 ล้านบาท มีชื่อว่าอะไร ทำธุรกิจอะไร ทำไมถึงใจดีให้กู้ยืมเงิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญาแบบนี้
3. กิจการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ ที่ได้รับเงินกู้ยืมจำนวน 3,173 ล้านบาท คือ บริษัทอะไร ทำธุรกิจอะไร และทำไมบริษัทเมอร์รี่ไรซ์แลนด์ฯ ถึงใจดีให้กู้ยืมเงิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญาแบบนี้ แถมวงเงินกู้ยืมจำนวน 240 ล้านบาท ตามสัญญาที่สอง ยังไม่ต้องมีการทำสัญญาด้วย
4. เงินจำนวนนี้ เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินระบายข้าวจีทูจีหรือไม่
แต่ปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากนายสรวิศ และผู้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
อย่างไรดี เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้แจ้งและนำส่งมอบข้อมูลส่วนนี้ ให้กับกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้รับทราบและนำไปใช้ขยายผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการแล้ว
ร่วมถึงข้อมูล ความเชื่อมโยงทางธุรกิจของ นายสรวิศ กับ ตัวแทนบริษัทจีนที่เข้ามาซื้อข้าวจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศ ด้วย
(อ่านประกอบ : หลักฐานใหม่คดีข้าวจีทูจี “ปาล์ม-รัฐนิธ" โผล่ชื่อพยานตั้ง บ.ลูกชาย"เสี่ยเปี๋ยง" , ชัดเลย! นักธุรกิจจีน ร่วมตั้ง บ.ลูกชาย "เสี่ยเปี๋ยง" คนบ.ไห่หนาน คดีข้าวจีทูจี)
จากนี้ไปคงต้องรอลุ้นว่า ผลงานของ ป.ป.ช. นับจากนี้ จะขยายผลการสอบสวนต่อจากข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา ไปได้กว้างและลึกมากขึ้นขนาดไหน
อ่านประกอบ :
เปิดคฤหาสน์หรูลูกเสี่ยเปี๋ยง - 'อิศรา' ลุยพิสูจน์ไขที่มาเงินกู้ปริศนา 5พันล.!
พบอีก!คนเครือข่ายสยามอินดิก้า โผล่พยานบ.ลูก"เสี่ยเปี๋ยง" โยง"เมียนพ."คดีจีทูจี
ชัดเลย! นักธุรกิจจีน ร่วมตั้ง บ.ลูกชาย "เสี่ยเปี๋ยง" คนบ.ไห่หนาน คดีข้าวจีทูจี
เผยโฉม!บ้าน 3 ชั้นบ.ลูกชาย 'เสี่ยเปี๋ยง' โยง 'รัฐนิธ' ตัวแทนบ.จีนคดีข้าวจีทูจี
หลักฐานใหม่คดีข้าวจีทูจี “ปาล์ม-รัฐนิธ" โผล่ชื่อพยานตั้ง บ.ลูกชาย"เสี่ยเปี๋ยง"
พบบ.ใหม่ลูกชาย"เสี่ยเปี๋ยง"ทำอสังหาฯได้เงินกู้ 377ล. โชว์รายได้ล่าสุด 592 บาท
เปิดตัวผู้ทำบัญชีเงินกู้ 5 พันล. บ.ลูกชาย 'เสี่ยเปี๋ยง' คน 'สยามอินดิก้า' อีกแล้ว
บ.ลูกชาย "เสี่ยเปี๋ยง" ก่อนได้เงินกู้5พันล. ใช้คนสยามอินดิก้าร่วมตั้งบริษัทฯ
ที่แท้เจ้าของ"เมอร์รี่ไรซ์ฯ"ลูกชาย"เสี่ยเปี๋ยง" ตั้ง บ.กู้เงินปริศนา5พันล.ช่วงอายุ24
เงินกู้ปริศนาโผล่อีก 5 พันล. บ.คนสกุล 'เสี่ยเปี๋ยง' ไขที่มารายได้ดอกเบี้ยร้อยล.
บ.คนสกุล"เสียเปี๋ยง" โชว์ผลประกอบการธุรกิจข้าวล่าสุด รายได้ดอกเบี้ยโผล่ร้อยล
เปิดหลักฐาน คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง"ขนเงินสด2.2พันล.ลงขันธุรกิจ ก่อนเจอคดีข้าว
หลักฐานครบชุด"คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง ขนเงินสด 2.2 พันล.รอผลป.ป.ช.ชี้คดีข้าว
3คำถาม!เส้นทางเงินบ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"คดีข้าวจีทูจี ก่อน-หลังโอนหุ้นเกลี้ยง 2.2 พันล.