ปฎิรูปกฎมายแข่งขันทางการค้า : ถึงเวลาต้องรีบดำเนินการ

เมื่อเร็วๆนี้ มีข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอร่างกฎหมายแข่งขันทางการค้าให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีพิจารณา แต่ถูกส่งเรื่องกลับคืนให้นำมาทบทวนใหม่ในรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังมีข้อกังวลในบางประเด็นที่ต้องการความชัดเจนก่อนตัดสินใจ ผมในฐานะที่ได้คลุกคลีอย่างใกล้ชิดในการบังคับใชกฎหมายฉบับนี้เป็นเวลายาวนานกว่า 16 ปี ตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542 และรับรู้ถึงปัญหาอุปสรรคในทางปฏิบัติเป็นอย่างดี มีความเห็นต่างในเรื่องดังกล่าว โดยมองต่างมุมว่า เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศพร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ในการปฏิรูปประเทศในทุกด้านซึ่งจะเกิดผลต้องมีการปฎิรูปในเชิงโครงสร้างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และกฎหมายสำคัญต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาไม่สามารถปรับแก้ไขได้ให้มีผลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความพยายามในการปรับแก้กฎหมายแข่งขันทางการค้าได้มีการดำเนินการมาเป็นระยะ ซึ่งได้มีการศึกษาแนวทางปฎิบัติจากประเทศที่มีการบังคับใช้อย่างเข้มแข็ง เช่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มสหภาพยุโรป หรือในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมทั้งได้ประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่ามีปัญหาหรือจุดอ่อนในด้านใดบ้าง นอกจากนี้ยังได้มีการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ผู้ประกอบการ บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย จนได้ความคิดตกผลึกว่า ถ้าจะให้จดหมายฉบับนี้มีการบังคับใช้อย่างเข้มแข็งมีประสิทธิภาพและมีความเป็นสากลเฉกเช่นเดียวกับอารยะประเทศที่เจริญก้าวหน้า จำเป็นต้องมีการปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง
ประเด็นแรก ได้แก่ ความเป็นอิสระขององค์กรกำกับดูแล เพื่อให้พ้นจากการครอบงำของฝ่ายการเมือง หรือมือที่มองไม่เห็นเช่นที่ผ่านมา ประเด็นที่สอง ได้แก่ องค์ประกอบและที่มาของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรรมการไม่จำเป็นต้องมีจำนวนมาเช่นปัจจุบัน แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องมีระบบคัดสรรคัดเลือกกรรมการที่เข้มข้นน่าจะดีกว่าระบบที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ว่ากรรมการแข่งขันทางการค้าที่ผ่านมาในอดีต มีหลายคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสาระบัญญัติและเจตนารมณ์ของกฎหมายแข่งขันทางการค้าแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายที่ต้องแก้ไข
ประเด็นที่สาม รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจแบบหาผลกำไรต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันกับภาคเอกชน โดยในต่างประเทศเกือบทั้งหมดก็ใช้หลักการเดียวกัน นอกจาก 3 ประเด็น ดังกล่าวแล้วยังมีประเด็นปลีกย่อยอื่นๆ เช่น การครอบคลุมถึงบริษัทในเครือ การมีมาตรการลดหย่อนโทษ และการเพิ่มโทษทางการปกครอง เป็นต้น
ท่านรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เคยพูดอยู่เสมอว่า ประเทศต้องการความเชื่อมั่น ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันยิ่งต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ กอปรกับมีการประกาศตัวว่าจะเป็นชาติการค้า (Trading Nation) จึงต้องเร่งปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้าให้เป็นสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ รีบทำเถิดครับอย่ารีรอหรือลังเลอีกเลย ประเทศที่มีอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจในระดับสูงล้วนเป็นประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายทางการแข่งขันทางการค้าอย่างเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ
แล้วทำไมเราไม่ก้าวไปถึงจุดนั้นบ้าง
ภาพประกอบจาก thesteel.co.th
หมายเหตุ - นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ อดีตรองอธิบดีกรมการค้าภายใน และผู้อำนวยการสำนักแข่งขันทางการค้า
