คำถามถึง ทอท.'ระบบคัดกรองผู้โดยสาร' เอกชนกวาดเงิน 7,500 ล.โปร่งใสแค่ไหน?
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้ประกาศที่จะใช้ระบบ Advance Passenger Processing Systems (APPS) ในการคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า ทั้งผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการตรวจคนเข้าเมืองให้เหลือเพียง 15-20 วินาที/คน ให้ความสะดวกแก่นักเดินทางทั้งมวล โดยตั้งใจจะเริ่มถือปฏิบัติในวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ซึ่งนับว่าเป็นการริเริ่มที่ดีของ ทอท.
แต่ในการใช้ระบบนี้ ทอท.ประกาศที่จะเก็บค่าบริการข้อมูลจากผู้เดินทาง รายละ 35 บาท โดยให้สายการบินต่างๆ เก็บค่าบริการ APPS จากผู้โดยสารคิดรวมไปในราคาตั๋วโดยสาร แล้วนำเงินส่ง ทอท.
การให้สายการบินช่วยเก็บค่าบริการ APPS นี้ ในระยะแรกก็คงมีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนและตั๋วโดยสารก็ขายล่วงหน้าไปแล้วเป็นจำนวนมาก ก็คงต้องมีการอะลุ้มอะล่วยกันบ้าง แต่ในที่สุดก็คงจะเข้ารูปและเก็บเงินนำส่ง ทอท.ได้ครบถ้วน
เรื่องนี้ดูเผินๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่าเริ่มมีข่าวลือในเรื่องที่ซ่อนเร้นอยู่ เพราะการให้บริการ APPS นี้ ทอท.มิได้ลงมือปฏิบัติเอง แต่จ้างบริษัทเอกขนเป็นผู้ให้บริการซึ่งก็เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพียงแต่การจัดจ้างครั้งนี้ทำกันอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยบริษัท 2 S Consotium เป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งจะได้รับส่วนแบ่งค่าบริการจาก ทอท.ในอัตรา 29.43/คน/เที่ยว
ค่าบริการอัตรานี้ดูจะเป็นเงินไม่มาก อาจจะไม่ถือว่าเป็นการจัดจ้างมูลค่าสูง แต่เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้โดยสารเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียวมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคนต่อปีแล้วมูลค่างานที่จัดจ้างครั้งนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1500 ล้านบาทต่อปี คนข้างนอกไม่มีใครทราบว่า ประมูลว่าจ้างกันเป็นจำนวนกี่ปี ถ้าว่าจ้างกัน 5 ปี ก็เป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาทซึ่งเป็นมูลค่าสูงเอาการอยู่ หวังว่าคงจะไม่ได้ตกลงว่าจ้างกันตลอดกาลไปแล้ว เพราะว่ามูลค่างานจะสูงอย่างมหาศาลทีเดียว
สิ่งที่คนเริ่มสนใจมากขึ้นก็คือข่าวลือจากวงในอีกเช่นกันว่า อัตราค่าบริการ 29.43 บาทต่อรายนี้สูงกว่าที่ควรจะเป็น แต่ที่ต้องคิดสูงถึง 29.43 บาท ก็เพราะมีต้นทุนส่วนเกินที่ผู้ให้บริการต้องดูแล ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้นทุนส่วนเกินนี้ คิดกันทันทีก้อนเดียวในเบื้องต้น หรือคิดกันเป็นต่อรายในอนาคต ประชาชนทั่วไปหรือผู้เขียน คงไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ แต่บุคคลในรัฐบาลที่ตั้งใจจะป้องกันการฉ้อราษฎร์บังหลวงสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อตรวจสอบ ความถูกต้องได้โดยไม่ยาก
คำถามก็คือ ประชาชนอย่างเราจะพึ่งพาผู้ใดในรัฐบาล ที่มีน้ำหนักและความกล้าหาญพอที่จะตรวจสอบข้อมูลในเรื่องนี้ให้กระจ่างได้ แว่วมาว่า ผู้ที่ตั้งประธาน ทอท.คนปัจจุบันนั้นมีอำนาจไม่เบาทีเดียว
ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมซึ่งอยู่ในสายงานของรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประชาชนขอพึ่งรองนายกฯ สมคิดในเรื่องนี้จะได้ไหม ผู้เขียนเห็นท่านเอาจริงเอาจังกับงานมาก อยากให้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้อีกสักเรื่องหนึ่ง เพราะไม่อยากเห็นคนไทยหมดหวังที่ต้องหนีการฉ้อราษฎร์บังหลวงในรัฐบาลก่อนแล้วมาประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกันในรัฐบาลนี้
จึงอยากให้ท่านรองนายกฯ สมคิดช่วยเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ให้มากหน่อย ผู้เขียนและประชาชนกำลังรอการแสดงฝีมือด้วยผลงานของท่านอยู่ ไม่ใช่มีแต่ลมปากแล้วทุกอย่างก็ลอยหายไปกับสายลม
การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงและความไม่โปร่งใสของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ก็ยังคงมีอยู่ต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง