กรมกงสุลยันมีการตรวจสอบป้องเอกชนผูกขาดปมให้เป็นตัวแทนรับคำร้องขอวีซ่า
รองอธิบดีกรมการกงสุลเข้าชี้แจง กมธ.ต่างประเทศ สนช. ปมผุดโครงการให้เอกชนเป็นตัวแทนรับคำร้องขอรับวีซ่า ยันมีการตรวจสอบป้องกันเอกชนผูกขาด เผยจัดตั้ง สนง. ใน 120 วันเหมาะสม เหตุกำหนดสเปกแล้วบริษัทเข้ามารับงานต้องเคยมีประสบการณ์ หากขยายอาจถูกครหา “สมชาย” แนะต้องทำให้โปร่งใส-แจงรายละเอียดผ่านสื่อด้วย
จากกรณีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ทำโครงการอนุญาตให้บริษัทเอกชนเป็นตัวแทนรับคำร้องขอรับการตรวจลงตรา (Visa) ในต่างประเทศ โดยระบุว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราซึ่งมีเป็นปริมาณมาก ประมาณ 50,000 ราย/ปี ให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่มีการกำหนดให้บริษัทเอกชนที่จะเข้ามาเสนอราคาเป็นตัวแทนรับคำร้องการตรวจลงตรา ต้องยื่นซองในระยะเวลา 30 วัน และต้องจัดตั้งสำนักงานภายในระยะเวลา 120 วัน หากได้ทำสัญญา
อย่างไรก็ดีในงานสัมมนาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครบ 1 ปี มีการตั้งข้อสังเกตว่า โครงการดังกล่าวอาจมีการผูกขาดบริษัทเอกชนเข้ามาทำสัญญา รวมถึงเร่งรัดให้จัดตั้งสำนักงานภายในระยะเวลา 120 วัน จะเสร็จทันหรือไม่ ทำให้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สนช. เชิญนายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงในโครงการนี้นั้น
(อ่านประกอบ : กมธ.ต่างประเทศ เชิญอธิบดีกงสุล แจงปมให้เอกชนเป็นตัวแทนรับคำร้องขอวีซ่า)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 นายธงชัย ได้มอบหมายให้นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ รองอธิบดีกรมการกงสุล พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำโครงการนี้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยระบุว่า การจัดทำโครงการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราที่มีปริมาณมาก และจัดทำเป็นระบบเดียวเพื่อควบคุมการตรวจลงตรา ส่วนกรณีจะมีเอกชนเข้ามาทำการผูกขาดนั้น จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนการจัดตั้งสำนักงานภายในระยะเวลา 120 วันถือว่ากระชั้นชิดไปหรือไม่ ในข้อกำหนดของสัญญาระบุไว้อยู่แล้วว่า ต้องเป็นบริษัทที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นหากมีประสบการณ์แล้ว ก็น่าจะจัดตั้งสำนักงานได้ภายใน 120 วัน ทั้งนี้หากยืดระยะเวลาออกไปให้นานกว่านั้น อาจถูกข้อครหาได้ว่า มีการกำหนดล็อคสเปกให้บริษัทเอกชนที่เข้าทำสัญญาหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งในวันที่ 29 ก.ย.- 5 ต.ค. 2558 จะเริ่มตรวจคุณสมบัติผู้เข้ามายื่นซองเสนอราคา และคาดว่าภายในเดือน ม.ค. 2559 จะสามารถเปิดใช้งานได้
ด้านนายสมชาย แสวงการ สนช. ในฐานะรองประธาน กมธ.การต่างประเทศ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราถึงกรณีนี้ว่า ได้รับฟังข้อชี้แจงของรองอธิบดีกรมการกงสุลแล้ว และที่ประชุมมีมาตรการให้กรมการกงสุลชี้แจงกรณีนี้ผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน นอกจากนี้ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เน้นเรื่องการปราบคอร์รัปชั่น เราก็ต้องการให้เรื่องนี้โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ให้มีปัญหาการล็อคสเปก นอกจากนี้จะต้องรักษาความปลอดภัยในการเข้า-ออกประเทศของชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการอนุญาตให้บริษัทเอกชนเป็นตัวแทนรับคำรองขอรับการตรวจลงตรา (Visa) ในต่างประเทศ ของกรมการกงสุลนั้น ระบุว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราซึ่งมีเป็นปริมาณมาก และเกิดปัญหาความแออัดของพื้นที่ให้บริการที่มีอยู่น้อย ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เสี่ยงต่อการรักษาความปลอดภัย รวมถึงทำให้บางรายไม่ได้รับการให้บริการเนื่องจากจำนวนผู้ยื่นคำร้องมีมากเกินขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ จึงจัดทำโครงการนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการตรวจลงตรา โดยกำหนดให้บริษัทเอกชนที่จะเข้ามาเสนอราคาต้องยื่นซองภายใน 30 วัน และหากได้รับการทำสัญญาแล้ว ต้องจัดตั้งสำนักงานภายในระยะเวลา 120 วัน
หมายเหตุ : ภาพประกอบกรมการกงสุลจาก static.wixstatic.com, ภาพวีซ่าจาก dooasia.com