ศาลฎีกาฯปิดหมาย!จี้เครือกฤษดาฯคืนเงินหมื่นล.ให้กรุงไทย 15 วันไม่งั้นเจอคุก
ศาลฎีกาฯ ส่งคำสั่งให้เอกชนเครือกฤษดามหานครชดใช้ค่าเสียหายคดีกรุงไทยปล่อยกู้กว่าหมื่นล้านแล้ว พบมี 2 บริษัทไม่รับ ต้องแปะหมาย-ให้ชดใช้ภายใน 15 วัน ไม่งั้นถูกยึดทรัพย์-จับขัง
จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้สินเชื่อให้บริษัทเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต และสั่งให้จำคุกนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กับพวกรวม 21 ราย พร้อมกับให้อดีตผู้กรรมการบริหาร-เจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารกรุงไทย บริษัทในเครือกฤษดามหานคร และผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 10,004,467,480 บาท หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น
(อ่านประกอบ : พิพากษาจำคุก “ร.ท.สุชาย-วิโรจน์” 18 ปี ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ชดใช้หมื่นล. )
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ศาลฎีกาฯ มีหนังสือถึงบริษัทในเครือกฤษดามหานครทั้ง 5 บริษัทแล้ว ได้แก่ บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด บริษัท อาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) บริษัท โบนัสบอร์น จำกัด และบริษัท แกรนด์คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ดีมีอยู่ 2 บริษัทที่ไม่มีผู้รับ ศาลฎีกาฯจึงได้ปิดหมายไว้ ระบุว่า ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ พิพากษาให้บริษัท โกลเด้น คืนเงิน 8,368,732,100 บาท หรือกว่า 8.3 พันล้านบาท และบริษัท อาร์เคฯ คืนเงิน 450 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ผู้เสียหาย โดยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำบังคับภายในระยะเวลาหรือเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น จะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับและขัง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้มีจำเลย 27 คน ประกอบด้วย กลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ คือ นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล จำเลยที่ 13 นางกุลวดี สุวรรณวงศ์ จำเลยที่ 14 นางสุวรัตน์ ธรรมรัตนพคุณ จำเลยที่ 15 นายประวิทย์ อดีตโต จำเลยที่ 16 นางศิริวรรณ ชินอิสระยศ จำเลยที่ 17 นายไพโรจน์ รัตนะโสภา จำเลยที่ 12
กลุ่มคณะกรรมการสินเชื่อ คือ นายพงศธร ศิริโยธิน จำเลยที่ 5 นายนรินทร์ ดรุนัยธร จำเลยที่ 6 นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ จำเลยที่ 7 นายโสมนัส ชุติมา จำเลยที่ 8 นายสุวิทย์ อุดมทรัพย์ จำเลยที่ 9 นายวันชัย ธนิตติราภรณ์จำเลยที่ 10 และนายบุญเลิศ ศรีเจริญ จำเลยที่ 11
กลุ่มคณะกรรมการบริหาร คือ ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ์จำเลยที่ 2 นายวิโรจน์ นวลแข จำเลยที่ 3 และนายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา จำเลยที่ 4
กลุ่มนิติบุคคลทั้งหมด คือ บริษัทอาร์เคฯ โดยนายบัญชา ยินดี และ นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 18 บริษัทโกลเด้นฯ โดยนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา และนายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 19 บริษัทกฤษดามหานครฯ โดยนางปรานอม แสงสุวรรณเมฆา และนายธเนศวร สิงคาลวณิช นายรัชฎากฤษดาธานนท์จำเลยที่ 20 บริษัทโบนัสบอร์น จำกัด โดยนายชุมพร เกิดไพบูลย์รัตน์ จำเลยที่ 21 บริษัทแกรนด์คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด โดยนายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 22
กลุ่มผู้แทนนิติบุคคลเป็นการส่วนตัวทั้งหมด คือ นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา จำเลยที่ 23 นายบัญชา ยินดี จำเลยที่ 24 นายวิชัย กฤษดาธานนท์จำเลยที่ 25 นายรัชฎากฤษดาธานนท์จำเลยที่ 26 นายไมตรี เหลืองนิมิตมาศ จำเลยที่ 27 ส่วนกลุ่มการเมืองได้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 2-4 และที่ 12 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การฯ มาตรา 4 ให้จำคุกคนละ 18 ปี จำเลยที่ 5 ที่ 8-11 และที่ 13-17 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การฯ มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้จำคุกคนละ 12 ปี
สำหรับจำเลยที่ 18-27 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การฯ มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แบ่งเป็น จำเลยที่ 18-22 เป็นนิติบุคคล ให้ปรับรายละ 26,000 บาท จำเลยที่ 23-27 ให้จำคุกคนละ 12 ปี
และให้จำเลยที่ 20 ที่ 25 และที่ 26 ร่วมกันคืนเงิน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารที่เสียหาย โดยให้จำเลยที่ 3 ที่ 22 และที่ 27 ร่วมรับผิด 9,554,467,480 บาท จำเลยที่ 12-17 ที่ 21 ที่ 23 และที่ 24 ร่วมรับผิด 8,818,732100 บาท จำเลยที่ 18 ร่วมรับผิด 450,000,000 บาท และจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 8-11 และที่ 19 ร่วมรับผิด 8,368,732,100 บาท ซึ่งเงินสส่วนนี้ถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วน หากจำเลยที่ 18-22 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29
สำหรับจำเลยที่ 6-7 ให้ยกฟ้อง ส่วนข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก