หนี 2 ศาลยก 1 กระเป๋ารถเมล์อมเงินค่าตั๋ว-ของเก่ามาขาย 9.5 บาทยังโกง
ป.ป.ช. รับทราบผลงานด้านปราบทุจริต กระเป๋ารถเมล์ ขสมก. 3 ราย อมเงินค่าตั๋ว-เอาตั๋วเก่ามาขาย บางรายแค่ 9.5 บาทยังโกง อัยการส่งฟ้องศาล หนี 2 ยกฟ้อง 1
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับทราบผลงานการปราบปรามทุจริต กรณีพนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อย่างน้อยจำนวน 3 ราย ทุจริตในการเก็บค่าโดยสาร ดังนี้
หนึ่ง นายศักดิ์สิทธิ์ ทิศทา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานเก็บค่าโดยสาระ 1 ระดับ 1 สายการเดินรถที่ 180 กองเดินรถที่ 3 เขตการเดินรถที่ 7 ฝ่ายการเดินรถองค์การ ขสมก. มีความผิดฐานเป็นพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เนื่องจากระหว่างวันที่ 20 เม.ย. 2551 ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าโดยสารได้รับมอบตั๋วจำนวน 7 ม้วน รวมเป็นเงิน 4,071 บาท ได้จำหน่ายตั๋วให้ผู้โดยสารแล้วนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ ขสมก. ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 มีความเห็นและคำสั่งควรสั่งฟ้องนายศักดิ์สิทธิ์ ในข้อหาเป็นพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผูอื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4
อย่างไรก็ดีอัยการฯ มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
ทั้งนี้ได้เสนอสำนวนการสอบสวนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 และ ผบ.ตร. ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบ ไม่แย้งคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการดังกล่าว ส่วนกรณีข้อหาความผิดที่มีความเห็นและคำสั่งควรสั่งฟ้องผู้ต้องหานั้น เมื่อผู้ต้องหาหลบหนีไปยังไม่ได้ตัว พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้ง ผบ.ตร. เพื่อจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ภายในอายุความ 20 ปี นับแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังจับตัวผู้ต้องหาไม่ได้ โดยอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบผลการดำเนินการ
สอง น.ส.รวี ทวิตชาติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานเก็บค่าโดยสาร ขสมก. เป็นพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต
เนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2550 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารบนรถโดยสารประจำทางสาย 515 หมายเลข 6-56125 ขณะรถโดยสารแล่นรับ-ส่งผู้โดยสารจากท่าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (มุ่งหน้าสู่ศาลายา) มาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลธนบุรี 2 ถนนบรมราชชะนี นายตรวจได้ตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้นำตั๋วราคา 16 บาท หมายเลข 6022499 ซึ่งเป็นตั๋วที่ผู้ถูกกล่าวหาฉีกขายไปแล้วในรอบที่ 2 มาขายใหม่ในรอบที่ 3 โดยมีเจตนาเบียดบังรายได้ค่าโดยสารของ ขสมก. ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว
พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 6 พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา และศาลจังหวัดตลิ่งชันพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2552 พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7798/2552 คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบผลการดำเนินการ
สาม นายสมชาย จ่างมณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานเก็บค่าโดยสาร 1 ระดับ 1 สายการเดินรถที่ 180 กองเดินรถที่ 2 เขตการเดินรถที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีนำตั๋วโดยสารที่จำหน่ายไปแล้ว ไปจำหน่ายผู้โดยสารใหม่อีก โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2551 ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าโดยสารของ ขสมก. ทุจริตต่อหน้าที่นำตั๋วโดยสารราคา 9.50 บาท ที่จำหน่ายไปแล้วมาจำหน่ายใหม่
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายสมชาย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 90 แต่ผู้ต้องหาหลบหนี ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับ อายุความ 20 ปี นับแต่วันที่ 20 ก.พ. 2551 คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบผลการดำเนินการ
หมายเหตุ : ภาพประกอบรถเมล์จาก haaksquare.com, ภาพตั๋วรถเมล์จาก phitsanulokhotnews.com