อ้างดีเอสไอยื้อ! ปมเจอเงินในบัญชีผู้ต้องหา 3 พัน ล.ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ
ปธ.ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างดีเอสไอยื้อ! ปมเจอเงินหมุนเวียนในบัญชีผู้องหาฉ้อโกงประชาชน 3 พันล้าน ชี้เป็นกองทุนส่วนไว้อำนวยความสะดวกของหนีภาษี แต่ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีเมื่อปี 2556-2557 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ทำคดีที่มีผู้ต้องหา 3 คน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยร่วมกันลงทุนซื้อโทรศัพท์มือถือ และสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ในราคาถูกกว่าท้องตลาดมาหลอกขาย โดยมีผู้เสียหายกว่า 30 รายถูกหลอกลวง สร้างความเสียหายเงินกว่า 57 ล้านบาท และศาลมีคำพิพากษาลงโทษผู้ต้องหาให้จำคุกและชดใช้ค่าเสียหายแล้ว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า กรณีนี้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่มีพฤติการณ์หาซื้อโทรศัพท์มือถือ และสินค้าแบรนด์เนมในราคาถูกกว่าท้องตลาด ไปหลอกขายประชาชน ขณะเดียวกันมีการอ้างว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้ข่มขู่ผู้เสียหายที่โทรศัพท์ไปสอบถาม และตำรวจได้เริ่มตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง 2 บัญชี ที่รองรับการโอนเงินจากผู้เสียหายเข้ามาหมุนเวียนด้วย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า อย่างไรก็ดีกรณีนี้เมื่อต้นเดือน ก.ค. 2558 ตำรวจบังคับกองปราบปราม ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ในความผิดเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพราะตรวจสอบพบว่า เมื่อประมาณปี 2556-2557 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีของผู้ต้องหามากกว่าสามพันล้านบาท ซึ่งเป็นคดีที่ยุ่งยากซับซ้อนต้องอาศัยการตรวจสอบและอายัดเงินในบัญชี สมควรให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีคำตอบจากดีเอสไอ เข้าใจว่าคงอยู่ในกระบวนการประชุมพิจารณา
“แต่ข่าววงในให้ข้อมูลว่า บัญชีสามพันล้านบาทนี้ เป็นกองทุนส่วย ตั้งไว้ให้ผู้เกี่ยวข้องที่สามารถอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับของหนีภาษีได้ ดังนั้นหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาคงเป็นประโยชน์กับสังคมไม่น้อยในการที่จะปฏิรูปองค์กร ปฏิรูปประเทศไทยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” นายอัจฉริยะ กล่าว
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายอัจริยะ จาก isarapost.net