ไม่บ้าใช้เงินซื้อพระผู้ใหญ่หมดปท.! "ธรรมกาย"แจงข้อกล่าวหากลืนพุทธศาสนา
ไม่บ้าใช้เงินซื้อพระผู้ใหญ่หมดปท.!"ธรรมกาย"แจงปมถูกกล่าวหากลืนพุทธศาสนา พ่วง 4 ประเด็นใหญ่ ยันกรณีเจ้าอาวาสถูกโจมตี "ฆ่าคน-เสพเมถุน" เลื่อนลอยไร้สาระขาดพยานหลักฐานโดยสิ้นเชิง
กรณี นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า ล่าสุดทางกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ทยอยนำเงินที่วัดพระธรรมกาย และพระเทพญาณมหามุนี หรือ หลวงพ่อธัมมชโย ได้รับเงินจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตฯคลองจั่น จำนวน 684 ล้านบาท มาคืนเกือบหมด แล้ว
ปัจจุบันเหลืออยู่อีกประมาณ 68 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับคืนครบถ้วนในเร็วๆ นี้ ซึ่งเมื่อทางสหกรณ์ฯ ได้เงินคืนมาแล้ว ก็คงไม่ติดใจเอาความในทางคดีอะไรกับวัดธรรมกายอีก
(อ่านประกอบ : 8 ปี ได้คืนแน่ 4.8 พันล.! ส.คลองจั่นทำใจสูญหมื่นล. “ธรรมกาย”จ่ายแล้ว 600 ล.)
ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ย.2558 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้พยายามติดต่อไปยังวัดพระธรรมกาย ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อใครได้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลในเว็ปไซต์วัดพระธรรมกาย พบว่า มีการเผยแพร่ข้อความชี้แจงกรณีมีผู้กล่าวหาว่าธรรมกายไม่ใช่พุทธ อยู่จำนวน 5 ประเด็นหลัก คือ ข้อกล่าวหา 1 ไม่นับถือพระพุทธเจ้า วางตัวใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า ข้อกล่าวหา 2 สอนคำสอนที่ผิดเพี้ยน ไม่สอนสติปัฏฐาน 4 อริยสัจ 4 อริยมรรคมีองค์ 8 และวิปัสสนากรรมฐานข้อกล่าวหา 3 สร้างจารีตใหม่ให้พระใส่เสื้อ ข้อกล่าวหา 4 โจมตีเจ้าอาวาสหาว่า ฆ่าคน เสพเมถุน ฯลฯ และ ข้อกล่าวหา 5 วัดพระธรรมกายใช้เงินซื้อพระผู้ใหญ่หมดประเทศแล้ว มุ่งกลืนพระพุทธศาสนาในประเทศทั้งหมด
โดยมีคำชี้แจงดังต่อไปนี้
ข้อกล่าวหา 1 ไม่นับถือพระพุทธเจ้า วางตัวใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า
ความจริง ข้อกล่าวหานี้ไร้สาระและไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง ในการทำกิจกรรมต่างๆที่วัดพระธรรมกาย ก่อนเริ่มและหลังเลิกกิจกรรม จะมีการบูชาพระรัตนตรัย “ อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ...” ทุกครั้ง ทางวัดอบรมสั่งสอนประชาชนให้เคารพบูชาพระรัตนตรัยอย่างยิ่ง
ข้อกล่าวหา 2 สอนคำสอนที่ผิดเพี้ยน ไม่สอนสติปัฏฐาน 4 อริยสัจ 4 อริยมรรคมีองค์ 8 และวิปัสสนากรรมฐาน
ความจริง วัดพระธรรมกายสนับสนุนการศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ พระภิกษุสามเณรของวัดพระธรรมกายสอบบาลีสนามหลวงได้มากที่สุดของประเทศกว่า 10 ครั้ง มีการเรียนพระอภิธรรมสอบได้มากที่สุดของประเทศ และสนับสนุนให้สาธุชนศึกษาพระไตรปิฎก สมถวิปัสสนากรรมฐาน อย่างเป็นระบบ หนังสือธรรมะของทางวัดกล่าวถึงอริยสัจ 4 อริยมรรคมีองค์ 8 สติปัฏฐาน 4 วิปัสสนากรรมฐาน และหลักธรรมอื่นๆมากมาย
ผู้กล่าวหาหากไม่ใช่เพราะไม่รู้แล้วเที่ยวกล่าวหา ก็เพราะมีเจตนาใส่ร้ายป้ายสี
ข้อกล่าวหา 3 สร้างจารีตใหม่ให้พระใส่เสื้อ
ความจริง พระภิกษุสามเณรวัดพระธรรมกายมีการนุ่งห่มสบงจีวรอย่างเป็นระเบียบ งดงาม เป็นที่ชื่นชมของสาธุชนโดยทั่วไป มีเพียงเจ้าอาวาสที่ท่านอายุ 71 ปีแล้ว ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาท่านป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ จะมีอาการสะท้านเมื่อถูกลมจึงต้องสวมอังสะแขนยาวไว้ข้างในก่อนครองจีวร เหมือนพระไทยที่ไปเผยแผ่ในเมืองหนาวหิมะตก ก็ต้องใช้อังสะแขนยาวเช่นกัน พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตด้วยเหตุแห่งสุขภาพ
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆคงไม่มีใครอยากใส่อังสะแขนยาวให้ร้อนเพิ่มขึ้น
ข้อกล่าวหา 4 โจมตีเจ้าอาวาสหาว่า ฆ่าคน เสพเมถุน ฯลฯ
ความจริง เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยที่ไร้สาระพยานหลักฐานโดยสิ้นเชิง พระพุทธองค์ตรัสว่า “ศีลรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วม” คนอยู่ด้วยกันนานๆใครมีนิสัยอย่างไรจะรู้กันหมดปิดไม่มิด พระภิกษุวัดพระธรรมกายที่สำเร็จการศึกษาทางโลกสูงตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอกมีหลายพันรูป สละความสำเร็จความสะดวกสบายทางโลกออกบวชเพราะมีเจ้าอาวาสเป็นแบบอย่าง สร้างแรงบันดาลใจในการบวชอุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ถ้าเจ้าอาวาสเป็นอย่างข้อกล่าวหา ท่านเหล่านี้ซึ่งบวชอยู่ในวัดมาแล้วท่านละหลายสิบปี ทำไมจะไม่รู้ แล้วท่านจะบวชอยู่ทำไม
แต่นี่ แม้จะมีข้อกล่าวหาโจมตีเจ้าอาวาสมากมาย พระภิกษุและญาติโยมวัดพระธรรมกายก็ไม่ได้หวั่นไหว คงยืนหยัดเดินหน้าทำความดีเรื่อยไป เพราะทราบดีว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ตัวตนเจ้าอาวาสที่แท้จริง ท่านไม่เอาอะไรมุ่งแต่การปฏิบัติธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตลอดชีวิต
ผู้กล่าวหามี 2 แบบคือ พวกแรก คือ ผู้ที่เจตนาใส่ร้ายเพื่อทำลายศรัทธา ทำลายภาพลักษณ์ผู้นำของวัด เพราะเห็นว่าวัดทางานเผยแผ่ได้ผลมากเกินไป พวกที่สอง คือ ผู้ไม่รู้ความจริง ฟังเขาว่ามาก็หลงเชื่อกล่าวหาตามเขาไป
ข้อกล่าวหา 5 วัดพระธรรมกายใช้เงินซื้อพระผู้ใหญ่หมดประเทศแล้ว มุ่งกลืนพระพุทธศาสนาในประเทศทั้งหมด
ความจริง ข้อกล่าวหานี้เป็นการดูหมิ่นการคณะสงฆ์ไทยอย่างรุนแรง พระผู้ใหญ่แต่ละรูปบวชมา 50 – 70 ปี อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาไม่มีทางที่ใครจะเอาเงินไปซื้อท่านให้ทาลายพุทธได้ และไม่มีทางที่ใครจะมากลืนพระพุทธศาสนาในประเทศไทยทั้งสี่หมื่นกว่าวัดให้กลายเป็นอื่นไปได้ ใครที่คิดทำ คนนั้นถ้าไม่ใช่คนโง่ ก็เป็นคนบ้า เหนื่อยเปล่า ตายเปล่า
ชีวิตคนเราสั้นนัก อีกไม่กี่สิบปีก็ตายจากโลกนี้กันไปหมดแล้ว อย่ามามัวอิจฉา หาเรื่องใส่ความกันเลย ช่วยกันทางานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ฟื้นฟูศีลธรรมให้สังคมไทยสงบร่มเย็นกันดีกว่า
วัดพระธรรมกายยังระบุด้วยว่า วัดพระธรรมกายเริ่มสร้างวัดเมื่อวันมาฆบูชา ปี พ.ศ.2513 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา จัดตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อปี พ.ศ.2520 ได้ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตามลาดับ ปัจจุบันมีพระภิกษุสามเณรประจากว่า 4,000 รูป มีสาธุชนและลูกศิษย์วัดจานวนหลายล้านคน
วัดพระธรรมกาย มีกิจกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนามาก และสร้างคุณูปการต่อพระศาสนาและสังคมไทยหลายประการ อาทิ
ทอดผ้าป่าแด่ 323 วัดใน 4 จังหวัดภาคใต้ ถวายปัจจัยและอาหารตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภค เป็นประจำทุกเดือน ทำติดต่อกันมา 11 ปีแล้ว จำนวน 121 ครั้ง และตั้งกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ทุกเดือนด้วยเช่นกัน มีส่วนเสริมสร้างกำลังใจแก่คณะสงฆ์และชาวพุทธในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างมาก
สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมบาลี สำนักเรียนวัดพระธรรมกายสอบบาลีสนามหลวงได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศกว่า 10 ครั้ง และจัดพิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุสามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และถวายทุนการศึกษาแก่สำนักเรียนบาลีดีเด่นเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 มีส่วนสร้างความตื่นตัวในการศึกษาพระบาลีอย่างมาก
ร่วมมือกับคณะสงฆ์ทั่วประเทศจัดโครงการอุปสมบท 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ปีละ 2 ครั้ง ในภาคฤดูร้อนและภาคพรรษา มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 เป็นการกระตุ้นรักษาธรรมเนียมการบวชเข้าพรรษาซึ่งได้ลดน้อยไปมากแล้วตามเมืองใหญ่ และทำให้มีพระภิกษุในโครงการ เมื่อออกพรรษาแล้วมีศรัทธาบวชต่อไม่สึก อยู่จำพรรษาเป็นกำลังของคณะสงฆ์ตามวัดต่างๆทั่วประเทศหลายหมื่นรูป ช่วยแก้ปัญหาวัดร้างและการขาดแคลนศาสนทายาทได้อย่างมาก
เผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศอย่างได้ผล มีวัดสาขาในต่างประเทศจานวน 85 แห่ง ใน 33 ประเทศ มีโครงการบรรพชาอุปสมบทชาวต่างประเทศปีละหลายร้อยรูป มีความสัมพันธ์กับองค์กรพุทธในประเทศต่างๆอย่างแนบแน่นกว้างขวาง
ฯลฯ
เป็นเรื่องแปลกที่วัดซึ่งสร้างมาแล้ว 45 ปี มีผลงานมากมายจนเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชาคณะถึง 6 รูป กลับถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่พุทธ น่าคิดว่าเหตุผลที่แท้จริงมาจากความอิจฉาริษยาที่เห็นทางวัดทางานได้ผลสำเร็จมากเกินไปหรือไม่
(อ่านคำชี้แจงฉบับเต็มได้ที่นี่ http://www.dhammakaya.net/blog/2015/08/21/Press-Release-Wat-Phra-Dhammakaya-210815)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ในคำชี้แจงของวัดพระธรรมกายดังกล่าว ไม่มีการระบุถึงเรื่องที่ วัดพระธรรมกาย และพระเทพญาณมหามุนี หรือ หลวงพ่อธัมมชโย ได้รับเงินจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตฯคลองจั่น จำนวน 684 ล้านบาท แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนก.พ.2558 พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือพระนามลำลองว่า "ท่านใหม่" พระโอรสลำดับพระองค์ที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "Chulcherm Yugala"
โดยระบุว่า วัดพระธรรมกายจัดเดินธรรมยาตราธุดงค์ธรรมชัย แล้วใช้ดอกดาวเรืองปูลาด ให้พวกอลัชชี จำนวน 1,130 รูป ธุดงค์ธรรมชัย เดินเหยียบย่ำดอกดาวเรือง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการเหยียบย่ำองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พวกเรารักเคารพเทอดทูนไว้เหนือเกล้าฯ เราชาวพุทธชาวไทยทั้งหลาย ท่านทราบไหมครับว่า "ดอกดาวเรือง" คือดอกไม้ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ดอกพุทธรักษา และสมควรแล้วหรือที่จะให้พวกอลัชชี ที่โกนหัวแล้วไปซื้อผ้าเหลืองและเครื่องอัฐบริขารจากร้านขายของวัดธรรมกายมาแต่งกาย แล้วมาเดินเหยียบย่ำดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยบูชาพระ การทำธุดงค์ธรรมชัยของธรรมกาย นอกจากสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแล้ว ยังให้พวกอลัชชีมาทำการเหยียบยำหัวใจของพสกนิกรของพระองค์ทั้งประเทศ และในความเป็นจริงแล้ว แค่พระภิกษุสงฆ์เหยียบดอกไม้ก็ผิดแล้ว ขนาดเยียบหญ้าก็ยังผิดเลย
เหล่าภิกษุสงฆ์วัดธรรมกายทั้งหลาย พวกท่านเคยอ่านปุพสิกขาวรรณา หนังสือที่อธิบายพระวินัย 227 ข้อ ของพระไว้อย่างละเอียดมาก ถ้าภิกษุธรรมกายทั้งหลายไม่ได้อ่านปุพสิกขาวรรณาเล่มนี้ ก็เท่ากับเป็นพระภิกษุที่งี่เง่าและโง่มาก ถึงได้ละเมิดพระวินัยกัน
ตื่นเถิดภิกษุ ภิกษุณี และหมู่ศิษยานุศิษย์จำนวนมหาศาล ที่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเจตนาบริสุทธิ์ ที่ต้องการเข้าถึงพุทธธรรม และมีที่พึ่งทางใจ ของวัดธรรมกาย ตลอดจนชาวพุทธทั้งหลาย จงมีสติสมาธิ ให้เกิดปัญญาของตัวเอง
โปรดจงได้ไตร่ตรองในสิ่งที่พวกท่านกระทำอยู่ อย่าเชื่อแบบหลงงมงาย มิใช่ทางหลุดพ้น มิใช่เที่ยวหาสิ่งที่มาเป็นห่วงบรรณาการตัวเองตลอดเวลา ให้วกวนอยู่ในกิเลสตนเองมากขึ้นๆ สำหรัพระภิกษุ ภิกษุณี และชาวพุทธทั้งหลาย ผู้ถือศีลแบบผิดไม่ต่างอะไรกับการโกนหัวแล้วไปซื้อผ้าเหลืองกับเครื่องบริขารจากทางวัดธรรมกาย หรือจากร้านขายเครื่องอัฐบริขารมาแต่งกายก็เท่านั้น บุญไม่สามารถซื้อได้ไม่มีขาย แต่อยู่ที่ตัวกระทำเอง ถ้าจะนับถือลัทธิธรรมกาย ก็จงปราวณาตัวเองออกจากศาสนาพุทธเสียเถิดครับ เพราะธรรมกายไม่ใช่พุทธ