“หัสวุฒิ”แถลงซ้ำ! อ้างการเมืองภายใน -คดีความมั่นคง โดนแกล้งปม จม.น้อย
“หัสวุฒิ” แถลงซ้ำผ่านสื่อ! อ้างการเมืองภายในแทรกแซง ไม่เห็นด้วยคดีความมั่นคง สาเหตุถูกกลั่นแกล้งคดีจดหมายน้อย เรียกร้องความเป็นธรรมไปยังเจ้าของประเทศ ลั่นหากเกิดอะไรขึ้นไม่ได้เกิดโดยบังเอิญ จนท.ศาลฯ รุดหน้าบันทึกภาพ-เสียงการแถลงข่าวต่อสื่อ หลังผู้บริหารศาลฯ ไม่พอใจการแถลงครั้งแรก
นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งปัจจุบันถูกพักราชการจากกรณีจดหมายน้อยฝากตำรวจ กล่าวภายหลังเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมและรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมพยานหลักฐานสนับสนุน กับคณะกรรมการสอบสวนวินัย กรณีจดหมายน้อยฯ ว่า เป็นการเข้าให้การครั้งที่ 3 หลังคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม ซึ่งเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการสอบวินัยได้มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียงเห็นว่าคดีดังกล่าวไม่มูลตามที่กล่าวหา ก.ศป .ก็ควรมีมติให้คืนตำแหน่งตนตาม แต่ ก.ศป. กลับเห็นว่ามีประเด็นตามเสียงข้างน้อยจึงให้คณะกรรมาการสอบวินัยไปดำเนินการ
“ก.ศป. ได้มีมติในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง จนคณะกรรมการสอบวินัยก็บอกว่าไม่มีอะไรจะสอบแล้ว แต่ก็ยังมามีมติอีกเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ทำให้วันนี้ผมต้องมาพบคณะกรรมการสอบวินัยก็ถามว่าอยากจะถามอะไรก็ให้ถามมา แต่คณะกรรมการฯกลับให้เอกสารมาแล้วให้ผมไปดูว่ามีประเด็นอะไรอยากชี้แจง ก็เลยบอกไปว่า ผมยืนยันคำให้การตามที่ได้ให้การไว้ในชั้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไม่เปลี่ยนแปลงและยืนยันตามเอกสารหลักฐานที่ได้ยื่นไปแล้ว”
ทั้งนี้นายหัสวุฒิ พยายามที่จะชี้ว่าการสอบสวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความเป็นธรรม มีความพยายามที่ถ่วงเวลา เพื่อให้นายไพบูลย์ เสียงก้อง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ที่เป็นเสียงข้างมากในคณะกรรมการสอบวินัยที่เห็นว่าคดีไม่มีมูล หมดวาระเนื่องจากจะเกียษณอายุในปลายเดือนนี้ และจะมีการตั้งบุคคลอื่นมาทำหน้าที่กรรมการสอบสวนแทนเพื่อให้เสียงโหวตเปลี่ยนกลายเป็นว่าตนมีความผิด โดยขอให้จับตาการประชุม ก.ศป. ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ซึ่งทราบมาว่า จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวและก.ศป.อาจลุแก่อำนาจ มีมติเห็นตามเสียงข้างน้อยว่าตนเอง และไล่ตนออกจากราชการก็ได้
“เป็นความพยายามที่จะกำจัดผมให้พ้นจากองค์กรนี้ ถ้าสอบเอาผิดเรื่องจดหมายน้อยไม่ได้ ก็จะเอาเรื่องอื่น ซึ่งมีหลายเรื่องมาสอบ พูดง่าย ๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยมนต์คาถา หรืออาจจะมีการจ้างคนมายิงผมก็ได้ แต่ผมไม่กลัวหรอก ” นายหัสวุฒิ กล่าว
นายหัสวุฒิ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่มีความพยายามเอาตนออกจากตำแหน่ง เพราะที่ผ่านมามีคดีเกี่ยวกับความมั่นคงหลายคดีที่ตนไม่เห็นด้วยตามที่เขาต้องการ เช่นคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดโดยเสียงข้างมากมีมติให้คืนตำแหน่งเลขาฯสมช.ให้นายถวิลนับแต่ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่ฝั่งเขากลับเห็นว่า ควรคืนตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไปแล้ว 60 วัน ซึ่งถ้าผลไปตามเขา จะเท่ากับว่า ที่อดีตนายกรัฐมนตรีปลดนายถวิลมาสองปี ไม่มีความผิดเลย ซึ่งไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีการเมืองเข้าแทรกแซงศาลปกครองใช่หรือไม่ นายหัสวุฒิ กล่าวว่า มีหรือไม่มี ได้ยกตัวอย่างให้ฟังแล้ว ว่า ในคดีนายถวิลตนได้ทำให้การตัดสินไม่เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เมื่อถามต่อว่า หากมีการแทรกแซงเหตุใดจึงไม่มีตุลาการศาลปกครองออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง ทุกคนตกอยู่ในความกลัว ๆ ถูกเล่นงานเหมือนตน 4-5 เดือนมานี้มีการโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ และคดีสำคัญ ๆ ก็ไปอยู่ในมือของคน ๆ เดียว ขอให้ติดตามดูการวินิจฉัยตัดสินคดีนับจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
“ผมขอเรียกร้องความเป็นธรรมไปยังเจ้าของประเทศ ถ้าเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมต้องออกมาเรียกร้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ผมเรียกร้องอยู่คนเดียว เพราะเรื่องนี้มันเลยเรื่องตัวของผมไปแล้ว แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ และหลังจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม รับรองว่ามันไมได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ” นายหัสวุฒิ กล่าว
ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงมติ ก.ศป. ที่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยกรณี ใช้งบไปตรวจราชการที่ จ.พิษณุโลกโดยไม่ชอบ ว่า เป็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างรีบเร่ง โดยไม่มีการเรียกคนที่รู้ข้อเท็จจริงไปสอบ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังสอบอยู่และตนทราบมาว่า เป็นสิ่งที่หน่วยงานต่างๆ ได้ปฏิบัติในทำนองเดียวกัน ข้อเท็จจริงการไปปฏิบัติราชการดังกล่าว มีอยู่ 2 เรื่องที่ให้ปฏิบัติในวันเดียวกัน คือ เป็นประธานโครงการปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ กับโครงการยกยอดฉัตร วัดพิพัฒน์มงคล ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย แต่กลับมีการบิดเบือนอ้างว่ามีการใช้งบประมาณโดยไม่ชอบ ซึ่งก็อยากตั้งคำถามถ้าไม่ไปตรวจราชการ ตนในฐานะประธานศาลปกครองสูงสุด และเป็นประธานโครงการดังวกล่าว จะสามารถเดินทางไปได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวนายหัสวุฒิ ยังได้ให้ทีมงานแจกเอกสารระบุถึงคดีสำคัญที่เป็นเหตุให้มีความพยายามกำจัดนายหัสวุฒิออกจากตำแหน่ง นอกจากคดีนายถวิล แล้วยังมีคดี เขาพระวิหารที่ศาลปกครองขณะนั้นสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ยินยอมให้กัมพูชาเอาข้อตกลงไปใช้ในการจดทะเบียนเป็นมรดก และคดีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดสั่งยกเลิกการแปรรูป ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเกิดความไม่พอใจ
รวมถึงมีการระบุว่า ขณะนี้กลุ่มตุลาการดังกล่าวของฝ่ายการเมือง ได้เข้ายึดศาลปกครองได้แล้ว จะเห็นได้ว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เรียกร้องให้นำคดีเกี่ยวกับการจำนำข้าวของตนมาพิจารณาที่ศาลปกครอง และยังมีคดีของฝ่ายการเมืองดังกล่าวอยู่ในศาลนี้อีกมาก อย่างไรก็ดีตลอดการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ของสำนักงานศาลปกครองก็ได้มีการบันทึกภาพ และเสียงการแถลงข่าว รวมถึงการปฏิบัติงานของสื่อด้วย
ล่าสุด แหล่งข่าวจากศาลปกครอง เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า คราวที่แล้วที่นายหัสวุฒิ จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2558 ก่อนหน้าที่ ก.ศป. จะพิจารณาคดีต่าง ๆ ของนายหัสวุฒินั้น สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหารของศาลปกครองเป็นอย่างมาก เนื่องจากนายหัสวุฒิไม่มีอำนาจ และถูกพักราชการ แต่กลับมาแถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายปิยะ ปะทังตา รักษาการแทนประธานศาลปกครองสูงสุด และคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยหลังจากการแถลงข่าวของนายหัสวุฒิครั้งแรก นายปิยะ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่าให้นายหัสวุฒิหรือบุคคลภายนอกมาแถลงข่าวโจมตีผู้บริหารศาลปกครองในเขตสำนักงานศาลปกครองอีก แต่นายหัสวุฒิกลับดำเนินการแถลงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งในวันนี้
อ่านประกอบ :
23 ก.ย.วันชี้ชะตา"หัสวุฒิ" ก.ศป. นัดลงมติคดีจม.น้อย "พ้นผิด-ให้ออก-ไล่ออก"
"หัสวุฒิ"เจอคดีที่สอง! ก.ศป.ลงมติสั่งตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง กรณียกยอดฉัตร
เปิดทุกคดี! ชะตากรรม“หัสวุฒิ”ในศาล ปค.หลังขอความเป็นธรรมปม จม.น้อย
“หัสวุฒิ”ขอความเป็นธรรมคดี จม.น้อย อ้างถูกเลื่อยขาเก้าอี้-เงินบาทเดียวยังไม่โกง
"หัสวุฒิ"อ่วม!ก.ศป.สั่งสอบเพิ่ม 4คดีรวด"ยกฉัตร-ใกล้ชิดคู่ความ-รถ-ญาติ"
ก.ศป.มีมติ 8:3 สั่งพักราชการ “ปธ.ศาลปกครองสูงสุด"คดีจม.น้อยฝาก ตร.