“จตุพร”ลั่นต่อให้ รบ.มีอำนาจแค่ไหน ถ้าใจแคบอยู่ไม่ได้
“จตุพร” ลั่นต่อให้รัฐบาลมีอำนาจแค่ไหน ถ้าใจแคบก็อยู่ไม่ได้ ชี้นักการเมืองต้องไม่เข้าร่วมร่าง รธน. เหตุมีส่วนได้เสีย ยันไม่มีใครคว่ำ รธน. ได้ถ้า “แป๊ะ” ไม่สั่ง “เอกนัฏ” ยัน กปปส.-นปช. ไม่ได้รบกัน ย้ำเรียกร้องปฏิรูป ไม่ต้องการให้เสียของ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนา “พลเมืองร่วมปฏิรูปประเทศ” จัดโดยหลักสูตรการสื่อสารมวลชนระดับต้น (กสต.) รุ่นที่ 5 ว่า ไม่เชื่อว่าการปฏิรูปเกิดจากการรัฐประหาร แต่เกิดจากการตัดสินใจของประชาชน ต้องมีความเชื่อมันในความเท่าเทียมกัน และอย่าคิดแทนประชาชน เนื่องจากพูดอยู่เสมอว่า 1.ไม่คอร์รัปชั่น 2.ไม่ลุแก่อำนาจ และ 3.ฟังเสียงประชาชน เพราะการปฏิรูปเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยุดไม่ได้
นายจตุพร กล่าวอีกว่า วันนี้สิ่งสำคัญคือคำว่าปฏิรูปอย่าเป็นเพียงแค่คำพูด เหมือนกับคำว่าสมานฉันท์กับคำว่าปรองดอง เป็นคำหลอกลวง ที่เอาไว้โกหกกัน หากเปิดโอกาสให้นักการเมืองเข้าไปเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อร่วมร่างรัฐธรรมนูญด้วยนั้น นักการเมืองต้องไม่เข้าไปร่วมร่างรัฐธรรมนูญ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียและถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่สามารถให้ความเห็นได้ อย่างไรก็ดีรัฐบาลนี้โชคดี ไม่เหมือนรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ ที่มีโอกาสโกหกแค่ครั้งเดียว แต่สมัยนี้ พล.อ. บางคนโกหกได้หลายครั้ง ดูได้จากการร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่กับร่องกับรอย คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 36 คน หล่นมาจากเรือแป๊ะ และไม่มีใครคว่ำรัฐธรรมนูญได้ถ้าแป๊ะไม่สั่ง ต้มกันหมด สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีความจริงใจที่จะปฏิรูป ร่างร้อยครั้งก็จะคว่ำร้อยครั้ง
“พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) จะอยู่ต่อไปก็ชั่ง ดังนั้นรัฐบาล ต่อให้มีอำนาจแค่ไหน แต่ใจแคบก็ไปไม่ได้ เพราะความแตกต่างไม่ใช่ความแตกแยก ถ้านายกฯคิดว่าทุกอย่างต้องเสร็จในสมัยท่าน ท่านตายไปแล้วเกิดมาใหม่ก็ไม่เสร็จ ผมไม่ได้สาปแช่งให้ทันตาย เพราะอย่างไรท่านก็ต้องตายอยู่แล้ว และหากจะบอกว่ารัฐบาลนี้ทำเสร็จแล้วทุกเรื่อง อนาคตจะมีรัฐบาลทำไม ในโลกความเป็นจริงต้องคิดแบบนี้ ส่วนจะเสร็จในรัฐบาลของใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายจตุพร กล่าว
ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประชาชนจะตัดสินใจออกมาต่อสู้กับอำนาจมหาศาล แต่มีความจำเป็น เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนทั้งมวล โดยประเทศไทยใช้ระบบตัวแทน (นักการเมือง) ทำงานไม่ได้ หนำซ้ำกระทำการฉ้อฉลเกินเจตนารมและไม่สนองความต้องการ ไม่ฟังเสียงของประชาชน และขัดต่อหลักนิติธรรม ประชาชนจึงตัดสินใจใช้อำนาจที่มีอยู่
“ต้องทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนมีความหมายในสายตาของผู้มีอำนาจ โดยผู้มีอำนาจต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และเคารพเสียงของประชาชน” นายเอกนัฏ กล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า กปปส.กับ นปช.ไม่ได้รบกัน เราไม่ได้มีปัญหาในตัวบุคคล ขอย้ำว่า กปปส. ให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่เลื่อนการเลือกตั้ง เสียใจที่มวลมหาประชาชนถูกกล่าวหาต่าง ๆ นานา แต่ต้องการให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะต้องการให้แก้ไขกติการะบบการเมือง การเข้ามาของพรรคการเมือง และระบบเลือกตั้งต้องทำให้เสร็จก่อนมีการเลือกตั้ง สิ่งที่เราเสนอไปหากทำไปแล้วไม่มีพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองเสียผลประโยชน์ สิ่งที่เราเรียกร้องคือการปฏิรูป จึงไม่อยากให้เสียของ ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องดีไม่น้อยกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าการสัมมนา มีการเปิดวีดีโอรวบรวมเหตุการณ์ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 หรือเหตุการณ์นักธุรกิจชนชั้นกลางรวมตัวบนถนนสีลมขับไล่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เมื่อปี 2540 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายรายมาสังเกตการณ์ด้วย