เกาะเทรนด์กองทัพ "ทหารคุมงบ-ทหารการเงิน" ผงาด
การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลวาระประจำปี 2558 กับการปรับคณะรัฐมนตรี และการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่างๆ ของรัฐบาล มีความเชื่อมโยงที่น่าสนใจไม่น้อย
เพราะนายทหารที่ได้รับเลือกให้คุมตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งในและนอกกองทัพหลายคน เมื่อตรวจสอบเส้นทางชีวิตราชการแล้วกลับไม่ใช่นายทหารในสายยุทธการหรือสายคุมกำลัง แต่กลับกลายเป็นนายทหารสายการเงินและงบประมาณ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นทิศทางที่น่าจับตาของกองทัพ
เริ่มจาก พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ อดีตปลัดบัญชีทหารบก เมื่อถึงยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามามีอำนาจ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. และล่าสุดผงาดขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
พลโท ชาตอุดม ติตถะสิริ อดีตปลัดบัญชีทหารบกอีกคนหนึ่ง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 หรือ ผอ.ช่อง 5 ล่าสุดได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน คตร.คนใหม่
ทั้ง พลเอกอนันตพร และ พลโทชาตอุดม เป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 และทั้งคู่ยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหลังการรัฐประหารด้วย แต่ พลเอกอนันตพร ลาออกเพื่อรับตำแหน่งรัฐมนตรี
รุ่นใหญ่กว่าทั้งสองคนที่กล่าวมา คือ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 12 ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาเคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการเงินกองทัพบก และรองปลัดบัญชีทหารบก รวมทั้ง ผอ.ช่อง 5 ในยุคที่ พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก
เมื่อ พลเอกประยุทธ์ ทำรัฐประหารและขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกฉัตรชัยก็ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นรัฐบาล ก่อนโยกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน
แม้แต่ตำแหน่งนอกกองทัพอย่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ล่าสุดรัฐบาลก็แต่งตั้งให้ พลเอกทวีป เนตรนิยม ไปนั่งเป็นเลขาฯสมช.คนใหม่ โดยไม่สนใจ "คนใน" อย่าง นางกนกรัตน์ รชตะนันทน์ รองเลขาฯสมช.อาวุโสสูงสุด กระทั่งมีข่าว นางกนกรัตน์ ยื่นใบลาออก
พลเอกทวีป ไม่เคยผ่านงานด้านการข่าวความมั่นคง แต่เคยดำรงตำแหน่งปลัดบัญชีทหาร และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สมช.ซึ่งเป็นตำแหน่งล่าสุด
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา หรือ นทพ.ก็เป็นหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบถึงปีละ 3,000 ล้านบาทโดยประมาณ และนายทหารที่เคยดำรงตำแหน่ง ผบ.นทพ.หลายคนก็ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ระดับนำของกองทัพ เช่น พลเอกเสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น
นายวันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และความมั่นคง มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า นอกจากปัจจัยเรื่อง "รุ่น" แล้ว การเติบโตของนายทหารที่ดูแลงบประมาณของกองทัพ โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดบัญชีทหารในเหล่าทัพต่างๆ ถือเป็นทิศทางที่น่าสนใจ เพราะในอดีตกองทัพจะให้ความสำคัญกับนายทหารจากฝ่ายยุทธการ งานข่าว และสายคุมกำลังมากกว่า
เหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในทศวรรษหลัง นโยบายเศรษฐกิจของประเทศมีผลต่อการเพิ่มขนาดหรือลดขนาดของกองทัพ ฉะนั้นบุคคลสำคัญที่สุดในการจัดทำงบประมาณ เสนอของบประมาณ และบริหารงบประมาณเพื่อให้กองทัพดำรงอยู่ได้ จึงเป็นบุคคลในตำแหน่งปลัดบัญชีทหาร
ในบัญชีปรับย้ายนายทหารครั้งล่าสุด รวมถึงนายทหารระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ยังอยู่ในตำแหน่ง หลายคนก็เติบโตมาจากสายการเงินและงบประมาณ เช่น พลเอกสมหมาย เกาฏีระ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยดำรงตำแหน่งปลัดบัญชีทหาร พลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เคยเป็นผู้ช่วยปลัดบัญชี และรองปลัดบัญชีทหารเรือ ขณะที่ พลอากาศเอกตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ก็เคยเป็นปลัดบัญชีทหารอากาศถึง 2 ครั้ง
ยิ่งปัจจุบัน นายทหารที่เติบโตจากสายการเงินและงบประมาณได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญนอกกองทัพ เช่น พลเอกอนันตพร หรือแม้กระทั่ง พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาฯสมช.คนใหม่ ทำให้พอสรุปได้ว่า เม็ดเงินงบประมาณกับความมั่นคงเป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (จากซ้ายไปขวา) พลเอกฉัตรชัย, พลเอกอนันตพร, พลโทชาตอุดม, พลเอกทวีป
ขอบคุณ : ภาพต้นฉบับจากอินเทอร์เน็ต และใช้เทคนิครวมภาพโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา