‘จรัญ ภักดีธนากุล’ เปรียบระบบยุติธรรมอาญาเหมือนใยแมงมุม จับได้แต่แมลงหวี่-แมลงวัน
‘จรัญ ภักดีธนากุล’ แนะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเร่งด่วน ความจริงต้องถูกต้อง ตรงตามความจริง ข้อกฎหมายสอดคล้องหลักนิติธรรม เป็นหลักค้ำประโยชน์ชาติ ปิดประตูขอไม่ร่วมคณะกรรมการร่าง รธน. ด้านนักวิชาการ ม.รังสิต เชื่ออีก 10 ปี ไทยปฏิรูปไม่สำเร็จ เหตุขาดองค์ความรู้ ทำได้เพียงปฏิสังขรณ์
วันที่ 8 กันยายน 2558 สำนักงานกิจการยุติธรรม ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดสัมมนา แนวทางการพัฒนาและการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการยุติธรรมไทยในอีก 10 ปี ข้างหน้า ภายใต้โครงการศึกษาและสำรวจสภาวะแวดล้อมที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มกระบวนการยุติธรรม (justice trend) พร้อมจัดทำแนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของกระบวนการยุติธรรมไทยในทศวรรษหน้า ณ ห้องบอลรูม 2 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ
ศ.พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งในหัวข้อ ‘กฎหมายกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม:ความท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรมไทย’ ถึงเป้าหมายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยอย่างน้อยที่สุดต้องทำให้ได้ว่า ต้องทำให้ข้อเท็จจริงไม่ถูกบิดเบือนให้ตรงข้ามกับความจริง ต้องมีความแม่นยำ ตรงเข้าไปในความจริง หากปล่อยปละละเลยให้มีการบิดเบือนความจริง ต่อให้มีระบบที่ดีอย่างไรด้านกฎหมายก็ใช้ไม่ได้ เพราะเกิดการทำลายศักยภาพหรือคุณภาพของระบบงานยุติธรรมที่รากฐาน
นอกจากนี้ข้อกฎหมายต้องสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ไม่ใช่อักษรด้าน ๆ และต้องมีอุดมการณ์ทำงานเพื่อประโยชน์ชาติและสันติสุขของมหาชนชาวสยามตามรอยนโยบายใหญ่ของพระมหากษัตริย์ไทย ทรงมีปฐมบรมราชโองการ จะปกครองแผ่นดินโดยธรรม แต่ไม่ใช่เพื่ออำนาจ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม แต่ไม่ใช่เพื่อตระกูล พรรค หรือองค์กรใด ๆ ดังนั้น ถ้าระบบยุติธรรมไทยทำได้ดังกล่าวน่าจะดีขึ้น
จับเเพะดำเนินคดี ชั่วร้ายที่สุดระบบยุติธรรมอาญา
“ห้ามจับแพะมาดำเนินคดี ซึ่งเป็นเรื่องชั่วร้ายที่สุดในระบบงานยุติธรรมทางอาญา อีกทั้งที่ผ่านมา เราเป็นระบบงานยุติธรรมทางอาญาใยแมงมุม จับได้เฉพาะแมลงหวี่แมลงวัน แต่ไม่เคยจับแมลงด้วงได้ เพราะทะลุทะลายใยแมงมุมไปหมด” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าว และว่าไปอยู่เกาะกงบ้าง แฝงตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในประเทศ เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ต้องไม่เปิดช่องให้มีการตัดตอน เอาคนเล็กมาดำเนินการจริงจัง แล้วปล่อยให้คนใหญ่ลอยนวล
ศ.พิเศษ จรัญ กล่าวอีกว่า ต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้มีอาชญากรแฝงตัวอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ถ้าช่วยกันระมัดระวัง คนข้างนอกไม่มีปัญญารู้หรือแยกแยะใครดีใครชั่ว แต่คนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันพอรู้ ต้องคอยระแวดระวัง เพราะคนพวกนี้จะมาทำลายศักดิ์ศรีของสถาบันเรา ต้องขจัดออกไป ถ้าจับได้ว่าเป็นตัวปลอมเข้ามาแฝงตัว แม้เคยเป็นเพื่อนก็ต้องขาดกัน แม้เคยเรียนจากสถาบันเดียวกัน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกันก็ต้องขาดจากกัน ไม่ใช่เพราะรังเกียจเพื่อน เราก็รักเพื่อน แต่เรารักประเทศไทยมากกว่า
ยันไม่มีใครทาบทามเป็น คกก.ร่างรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนเข้าสู่การสัมมนา ศ.พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล ให้สัมภาษณ์กรณีคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ โดยระบุไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้ติดตามรายละเอียดการยกร่างรัฐธรรมนูญ และยืนยันไม่มีการทาบทามเข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดใหม่ ทั้งนี้ หากได้รับการทาบทามจริงก็คงปฏิเสธ เพราะขอทำหน้าที่ในกระบวนการศาลดีกว่า
ไทยปฏิรูปยาก ทำได้เเค่ปฏิสังขรณ์
จากนั้นในเวทีมีการอภิปราย เรื่อง การปรับตัวของกระบวนการยุติธรรมไทยต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี โดย รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีกิตติคุณวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ คือ ไทยมีการพัฒนาประเทศแบบทุนนิยม ผูกขาด กึ่งผูกขาด โดยนายทุนใหญ่ เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่สนใจกระบวนการยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศด้อยพัฒนาด้านการเมือง สังคม วัฒนธรรม และกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้ หลายคนคิดว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยจับผู้ร้ายได้มากขึ้น แต่ตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจและการเมืองอยู่ภายใต้อำนาจคนร่ำรวย เทคโนโลยีเหล่านั้นจะสร้างประโยชน์แก่คนร่ำรวยมากกว่าคนยากจน
“การปฏิรูปกฎหมายต้องเข้าใจระบบเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ปัจจุบันนักกฎหมายมักสอนด้านเทคนิคมากเกินไป ไม่สอนสังคม ที่มา และประวัติศาสตร์กฎหมาย” นักวิชาการ ม.รังสิต กล่าว และว่า ทำให้เราแก้ปัญหาทางเทคนิคไปวัน ๆ คนมองปัญหาแยกส่วน ไม่เชื่อมโยงระบบ
รศ.วิทยากร กล่าวอีกว่า ไทยปฏิรูปไม่ได้ เพราะขาดองค์ความรู้ ทำได้แค่ปฏิสังขรณ์ ไม่ยอมศึกษาให้เข้าใจก่อนว่า สาเหตุรากเหง้าของปัญหาล้วนมาจากเศรษฐกิจและการเมือง ที่ผ่านมาไม่มีการเปิดช่องให้คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมพัฒนาอย่างแท้จริง และไม่เชื่อว่า อีก 10 ปีข้างหน้า จะปฏิรูปประเทศไทยสำเร็จ นอกจากปฏิรูปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความสามารถทางการแข่งขันของประเทศน้อยลง
นัก กม.เป็นตู้ราชกิจจาฯ เหตุเน้นท่องตัวบท
ขณะที่ ศ.พิเศษ วิชัย อริยนันทกะ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง กล่าวว่า การปฏิรูปดีที่สุดขึ้นอยู่กับคน ทุกวันนี้การศึกษาไทยอาจมีผู้เรียนจบปริญญาเอกมากที่สุดในโลก มีนิติศาสตร์มากที่สุดในโลก แต่นิติศาสตร์ของไทยมุ่งเน้นการให้ความรู้ หมายถึง ท่องตัวบท ท่องฎีกา ในที่สุดทุกคน คือ ตู้ราชกิจจานุเบกษา ตู้คำพิพากษาเคลื่อนที่ โดยไม่ได้คิด ดังนั้นไอน์สไตล์กล่าวไว้ถูกต้องว่า ความรู้สำคัญน้อยกว่าจินตนาการ สิ่งที่เราต้องให้มากกว่าความรู้คือจินตนาการ
กฎหมายเป็นสิ่งมีชีวิต มีวิญญาณ คือ เจตนารมณ์ หากเรารู้เพียงบทกฎหมายในลักษณะการมองเฉพาะตีความตามตัวอักษร เราไม่ใช่นายของกฎหมายที่จะใช้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่เราเป็นทาสของกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ การที่ไทยมีโรงเรียนสอนกฎหมายมาก และไม่พยายามแข่งขันแห่งใดให้ความคิดสติปัญญา เราจะทำการสอบเนติบัณฑิตเหมือนในสมัยสอบจอมหงวนของจีน ท่องแต่โครงกลอนขงจื๊อ .