ฟังวิสัยทัศน์ 2 ผู้บริหารรัฐ-เอกชน ในวันที่ปัญหาคอร์รัปชันเป็นวาระชาติ
นับเป็นความสำเร็จสำหรับการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ ประจำปี 2558 ภายใต้แนวคิด ‘Active Citizen’ ปลุกสำนึกไทย ต้านภัยคอร์รัปชัน ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน
ทั้งนี้ นอกจากการเดินขบวนพาเหรดของเครือข่ายองค์กรต่าง ๆ เพื่อแสดงพลังอันหนักแน่นต้านภัยคอร์รัปชัน การเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ และพิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่กลโกงชาติแล้ว หนึ่งในไฮไลท์สำคัญ คือ การแสดงวิสัยทัศน์ Active Citizen ของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนอีกด้วย
บุคคลแรก ‘คุณวรวรรณ ธาราภูมิ’ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุน นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ถ้าเรายังเพิกเฉยต่อการโกงกิน เหมือนเมื่อวานนี้ เราก็ยังไม่หยุดปล้นอนาคตของลูกหลานในวันพรุ่งนี้ บ้านเรามีคนโวยวายมาก อยากได้นั่น อยากได้นี่ ไอ้คนนั้นโกง ไอ้คนนี้โกง แต่คนโวยวายไม่เคยปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม เราจะปล่อยให้รัฐบาลทำเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะ รัฐบาลมีข้อจำกัด ดังนั้นพลเมืองทุกคนต่างหากจะต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นไม่ได้ ตราบใดที่นักการเมืองยังใช้เงินซื้อ แต่เราจะมีประชาธิปไตยทุกวันได้อย่างไร หากบ้านเรือนไร้ซึ่งพลังพลเมืองที่ทำดีกันทุกวัน รัฐบาลฝ่ายเดียวจะสถาปนาประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ได้ ทำได้ไม่สำเร็จหากไร้พลังพลเมืองที่ใฝ่ดี ลงมือทำ ไม่โกง และไม่คบคนโกง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ กองทุนบัวหลวง บอกต่อว่า ถ้าเราปล่อยให้ประชาธิปไตยเกิดจากการใช้เงินซื้อเหมือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะซื้อก่อนหรือหลังเลือกตั้ง ซื้อโดยราชการ กับนักธุรกิจที่เอาเปรียบ ติดสินบน คดโกง เราก็จะไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงเลยสักวัน ยกเว้นตอนหย่อนบัตร แล้วก็กลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกครั้ง ในเมื่อมดตัวน้อยตัวนิดสามารถรวมตัวด้วยความสามัคคีสร้างสิ่งที่ดีขึ้นมาได้ แล้วเหตุใดพลังประชาชนจะทำไม่ได้
“Active Citizen สามารถต่อต้านคอร์รัปชันได้ตั้งแต่ในระดับบริษัท หรือเครือข่ายต่าง ๆ ยกตัวอย่างสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จัดตั้งสถาบันราคากลางจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีส่วนช่วยเรื่องการคอร์รัปชัน และในฐานะวิชาชีพต่าง ๆ สามารถทำได้อีก ส่วนบุคคลทั่วไปก็เป็นหูเป็นตาให้กับแผ่นดิน เริ่มต้นจากรอบ ๆ ตัวเรา”
คุณวรวรรณ ยังกล่าวถึงการให้ความเป็นธรรมว่า กว่าจะมาถึงต้องใช้เวลานาน บางครั้งตั้งครรภ์อ่อนจนลูกเบญจเพสยังไม่ตัดสิน ฉะนั้นต้องการความยุติธรรม แต่ระยะหลังเริ่มเห็นอะไรดีขึ้น ทำให้เรามีความหวังเพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะช่วยกันปรับปรุง ขันน็อตกับสิ่งที่ไม่เคยแก้ไขหรือหมักหมมได้ เพราะประชาชนอยากได้ความคุ้มครองจากภาครัฐ การทำดีเป็นหูเป็นตา บางกรณีมีต้นทุนสูง บางคนโดนกล่าวหา ใส่ความ หรือโดนฟ้อง
กรณีเช่นนี้คนที่เป็น Active Citizen ย่อมเกิดความกลัวธรรมดา รัฐบาลคงคุ้มครองไม่ได้ทั้งหมด แต่ความกลัวในวันนี้น้อยกว่าความกลัวที่จะเห็นบ้านเมืองของเราตกอยู่ในสภาพคอร์รัปชันเต็มเมือง ลูกหลานไม่มีความเป็นธรรม ขาดโอกาส ไร้ความเท่าเทียม
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงบันทึกไว้ว่า ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น ประโยคนี้โปรดอ่าน 2 รอบ และจำให้มั่น
ทุกวันนี้คนโลภโมโทสะมากมาย เราจะยอมจำนนกับชะตากรรมแบบนั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเรา
ขณะที่ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้บัญชาการทหารบก เห็นว่า การทุจริตคอร์รัปชันไม่ทำให้เพียงประเทศชาติได้ของน้อยลง แต่ยังทำให้ประเทศชาติเลวลง และสิ่งที่ได้รับอีก คือ คนท้อแท้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
ความท้อแท้และไม่มีความคาดหวังว่าประเทศชาติจะสามารถเดินต่อไปได้ ด้วยกลไกของรัฐ หรือการบริหารของรัฐ ทั้งนี้ ไม่ว่ารัฐบาลใดที่ปราศจากคอร์รัปชัน ย่อมทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า เกิดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน
รมว.มหาดไทยค่อนข้างมั่นใจว่าถ้ากลไกประเทศไทยเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ใครได้เงินเดือนหมื่นใช้หมื่น ได้เงินเดือนพันใช้พัน คงไม่มีข้อโต้แย้ง จะเก็บภาษีไปทำอะไร ทำในเรื่องการศึกษา การสาธารณสุข ให้ประชาชนรับกันถ้วนหน้า แต่สิ่งที่เป็นอยู่ คือ ไม่มีความไว้วางใจ เนื่องจากการทุจริตคอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงไม่ต้องการเสียภาษี
“ปัจจุบันมีองค์กรทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นต้น” เขากล่าว และว่าผู้ประพฤติชั่วร้ายแรงต้องโดนไล่ออก ไม่มีเบี้ยหวัด คืนเครื่องราชอิศริยาภรณ์ และทุกคนทราบดีว่า แม้มีกฎหมายและหน่วยงานตรวจสอบ ปัจจุบันก็ยังมีการคอร์รัปชันอยู่
อีกทั้งตั้งคำถามว่า เมื่อยังมีการคอร์รัปชันอยู่จะต้องดำเนินการอย่างไรกับประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีกฎหมาย คสช.มียุทธศาสตร์สร้างจิตสำนึก ป้องกันตรวจสอบ สร้างการมีส่วนร่วม อย่างกระทรวงมหาดไทยมีโครงการมหาดไทยใสสะอาด จังหวัดใสสะอาด อำเภอใสสะอาด ทั้งหมดล้วนเป็นแนวทางนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น
บิ๊กป๊อก ยังกล่าวถึง Active Citizen คือ 'สุนัขเฝ้าบ้าน' ซึ่งเป็นองคาพยพทั้งหมด ในการที่ประเทศไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ขณะนี้ทุกคนเข้ามาช่วยประเทศชาติส่วนหนึ่ง ในฐานะตัวแทนประชาชน ต่อไปจะขยายไปส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ซึ่งทั้งสองฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่แล้ว และคงได้เห็นมากขึ้นอย่างคุ้มค่า สร้างความเจริญแก่ประเทศได้
สำหรับความปลอดภัยของทุกคนที่เป็น Active Citizen เขายืนยันหนักแน่นว่า ไม่ต้องกลัว ขนาดตัวแทนของประเทศ อย่าง ป.ป.ช. หรือดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการคอร์รัปชันก็ไม่มีอาวุธเช่นเดียวกับสุนัขเฝ้าบ้าน และโดยกลไกของข้าราชการฝ่ายการปกครองย่อมต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว ทุกคนสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษต่อข้าราชการได้ ทุกอย่างถือเป็นความลับ ไม่เปิดเผยชื่อ และจะแจ้งถึงความคืบหน้าการดำเนินการ รวมถึงการลงโทษ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เราจะคุ้มครองดูแลทุกคนที่ชี้มูลเบาะแสต่าง ๆ เกี่ยวกับการคอร์รัปชันให้ได้รับความปลอดภัย .