คลังชี้กระตุ้นศก.ผ่านกองทุนหมู่บ้าน 6 หมื่นล้าน ไม่ใช่ประชานิยม
รมว.คลังชี้ปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน 6 หมื่นล้าน ไม่ใช่ประชานิยม เผยเศรษฐกิจแย่ต้องช่วยคนยากลำบากก่อน เตรียมชงครม.ช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ในอีก 1-2 สัปดาห์หน้า
3 กันยายน 2558 สมาคมศิษย์เก่าโครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (XMBA) จัดงานสัมมนาและนิทรรศการ “ศาสตราจารย์สังเวียน ฟอรั่ม 2015” โดยมี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต” ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซนทาร่า แกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์
นายอภิศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความมั่นใจของประชาชนและกลุ่มนักธุรกิจเริ่มถดถอย ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทั้งนี้คนที่ลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกรที่อยู่ในต่างจังหวัด และกลุ่มคนรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในเมือง ดังนั้นแนวคิดทางเศรษฐกิจจึงมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือบุคคลกลุ่มนี้ให้สามารถประคับประคองชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้
แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการมีดังนี้
1.พยายามช่วยเหลือคนยากลำบาก ซึ่งอาจจะประสบปัญหาในอนาคต
2.จะพยายามให้เศรษฐกิจเกิดความสมดุลทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการพยายามทำให้เศรษฐกิจภายในสามารถขับเคลื่อนได้
3.ให้ภาคเอกชนเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้าโดยมีรัฐบาลเป็นเพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น โดยจะไม่มีการชี้นำ หรือบอกว่า ต้องทำอะไร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในขั้นต้นจึงพยายามทีจะเติมเต็มเศรษฐกิจไม่ให้ตกลึกไปมากกว่านี้ โดยในระยะแรกที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ คือ การปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน 6 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งโครงการนี้จะทำให้เม็ดเงินเข้าถึงประชาชนที่ลำบากได้เร็วที่สุด นอกจากนี้สิ่งที่จะทำต่อเนื่องอีกคือการมอบเงินให้แต่ละตำบลโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนดูแลเพื่อให้ตำบลเกิดการลงทุน และถือเป็นการเสริมชุมชนให้เกิดความแข็งแรงโดยจะทำให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
ในส่วนการรีบเร่งใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก็จะเอาโครงการขนาดเล็กที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท กระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะมีการใช้เงินประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อให้การใช้จ่ายภาครัฐมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“เมื่อรัฐนำเสนอแนวคิดออกมาในลักษณะนี้ก็เกิดคำถามว่า การปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน เอาโครงการขนาดเล็กกระจายไปทั่วประเทศเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับประชาชนมากหรือไม่ หรือการทำลักษณะนี้เป็นเรื่องประชานิยมหรือไม่ ต้องตอบเลยว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้คือการลงไปช่วยคนที่กำลังลำบาก เราจะปล่อยให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งลำบากไม่ได้”
นายอดิศักดิ์ กล่าวถึงการปล่อยกู้ปลอดดอกเบี้ยของกองทุนหมู่บ้านในระยะเวลา 2 ปี ด้วยว่า เนื่องจากขณะนี้ประชาชนลำบาก หากเก็บดอกเบี้ยชาวบ้านยิ่งเดือดร้อน การปลอดดอกเบี้ย 2 ปี เพื่อที่จะให้ชาวบ้านเตรียมตัว และพัฒนาอาชีพของเขาให้ดีขึ้นเพื่อที่จะสร้างรายได้ให้มากขึ้น หลังจากช่วยในกลุ่มของชาวบ้านแล้ว กระทรวงการคลังก็จะเข้าไปดูแลกลุ่มธุรกิจรายย่อย โดยนโยบายในการเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ซึ่งน่าจะเข้าครม.ภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่ให้เสียหายมากกว่าเดิม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ผ่อนปรนเรื่องภาษี เป็นต้น นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีแล้ว กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่รัฐก็จำเป็นต้องเข้าไปดูแลด้วยเช่นกัน
“หวังว่าสิ่งที่กำลังทำจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงและสามารถจับต้องได้ การที่เราจะเดินให้ได้บนโลกวันนี้ต้องรู้จักคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ใช่เป็นแค่โรงประกอบฐานผลิตยนต์ ต้องรู้จักคิดใหม่ รู้จักพัฒนาค้นคว้าวิจัยเพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นการลงทุน”
ที่มาภาพ:http://www.mof.go.th/home/index.php