‘เจ้าสัวปั้น’ เปิดเฮือน ณ น่าน บอกเล่าท่ามกลางสิเนหาลานนา
ไม่บ่อยนักที่พลเมืองน่านอย่าง ‘เจ้าสัวปั้น’ บัณฑูร ล่ำซำ ซีอีโอธนาคารกสิกรไทย จะเปิดบ้านเลขที่ 369 สไตล์สวิซเซอร์แลนด์ผสมผสานศิลปะล้านนาให้คณะสื่อมวลชน รวมถึง ‘พราวกระซิบ’ เข้าชมความสวยงาม
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน จ.น่าน บนเนื้อที่ 22 ไร่ ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ เนินผา และลำธาร พาดผ่าน ตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งเขาเชื่อถือมาก
‘เจ้าสัวปั้น’ เป็นบุตรชายของบัญชา-ท่านผู้หญิงสำอางวรรณ (เทวกุล) ล่ำซำ จบการศึกษาจากระดับปริญญาตรีสาขาวิชาวิศวกรรมเคมี ม.พรินซ์ตัน สหรัฐฯ และปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.ฮาร์ดวาร์ด มีความสามารถด้านดนตรีไทย ซอสามสาย
(บัณฑูร ล่ำซำ กับบ้านที่รัก)
ทั้งนี้ ยังสร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการวรรณกรรมไทย โดยจับปากการ่ายอักษรผ่านนวนิยาย เรื่อง ‘สิเนหามนตาแห่งลานนา’ ตีพิมพ์นับครั้งไม่ถ้วน นับเป็นนายแบงก์คนแรกที่หันมาจริงจังกับงานเขียนประเภทนี้
กับภารกิจล่าสุด เป็นผู้พิทักษ์ฟื้นคืนป่าน่าน ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของไทย นั่นคือ แม่น้ำเจ้าพระยา โดยร่วมกับท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน โดยตลอดโครงการ 2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่คืบหน้า ถึงขนาด ‘เจ้าสัวปั้น’ ยังยอมรับว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ด้วยต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนนั้นย่อมต้องใช้เวลา จะจุดไฟติดในจิตใจภายในครั้งเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ และในที่สุดก็ได้พื้นที่นำร่อง ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน คืนพื้นที่ป่ารอบแรก 300 ไร่
(อีกมุมหนึ่งของบ้านเจ้าสัว)
‘เจ้าสัวปั้น’ บอกว่า บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ใกล้ ต.เมืองจัง ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลมากนัก ยกพื้นสูง มีสามชั้น แบ่งเป็น ชั้นแรก คือ ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องโถงรับรอง ชั้นสอง คือ ห้องรับแขก ส่วนชั้นสาม คือ ห้องนอน ห้องทำงาน และห้องพระ
เเขกคนเเรก คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ต้องยอมรับว่า ผมตื่นตาตื่นใจมาก ด้วยชื่นชอบบ้านไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งได้มาสัมผัสบ้านหลังนี้ที่ถือหลักตามฮวงจุ้ยเป๊ะ ๆ แม้กระทั่งใต้ถุนบ้าน ยังติดขลุ่ยค้ำยันต้นเสาไว้ เพื่อจะช่วยค้ำจุนชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัย ชวนให้อยากจะมีเก็บไว้สักหลัง กิเลศเริ่มเกิด
แต่เขาไม่ยอมบอกเรื่องงบฯ ก่อนสร้าง เพราะ ‘เจ้าสัวปั้น’ เห็นว่า ไม่ใช่รัฐสภา!!!
นอกเสียจาก แย้มให้ฟังใช้ช่างรับเหมาจากเชียงใหม่ เพราะโครงสร้างบ้านหลังนี้ใหญ่มาก จึงต้องใช้มืออาชีพ หากใช้ช่างจากน่าน เกรงว่าจะเกินกำลัง สร้างไม่ได้ โดยใช้ไม้สัก ไม้แดง ปนกัน ตรงกลางก็เป็นวัสดุคล้ายปูนซีเมนต์ ใช้ไม้ปะลงไป
แลดูช่างเป็นบ้านที่ถูกโฉลกที่สุด แม้เขาจะพักเดือนละ 3-4 วันเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่มาก็ได้สัมผัสความเงียบสงบของพื้นที่ หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ซินแสเตือนว่า อย่าสร้างบ้านให้ดี 100% เพราะดีเกินไป ชีวิตจะไม่ดี แต่โดยรวมก็ถือว่าดีมาก
(เฮือนมะไฟ)
ด้านข้างบ้านหลังใหญ่ ปรากฏบ้านหลังเล็ก สวยงาม ซึ่งหากใครได้รู้ประวัติคงขนลุกซู่ จนต้องยกมือไหว้และอธิษฐานในใจก่อนเข้าชม หนึ่งในนั้นมีผมด้วย
‘เจ้าสัวปั้น’ บอกเล่า ก่อนหน้านี้มีซินแสทักว่า สถานที่แห่งนี้มีผู้หญิงลานนา ซึ่งถูกสนมเอกจับถ่วงน้ำรออยู่ ยาวนานถึง 700 ปี ชื่อ ‘มะไฟ’ จึงสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ให้อยู่ เพื่อเธอจะได้ไม่มาวุ่นวายกับบ้านหลังใหญ่ ภายในก็มีห้องโถงรับแขก ห้องนอน โต๊ะเครื่องแป้ง
ทว่า กลับไม่เคยมีใครกล้ามานั่ง เมื่อเขาออกไป ทุกคนก็เผ่นหมด เพราะมีคนเคยเจอ แม้กระทั่งลูกสาวยังเคยฝันเห็นมะไฟ แต่เขาไม่เคยเจอ และไม่อยากเจอ ขอเพียงให้คอยเดินตาม คอยหนุนหลังก็เพียงพอแล้ว
(ห้องนอนของ 'มะไฟ' หญิงสาวที่เจ้าสัวปั้นอ้างถึง)
นอกจากนี้ภายในยังปรากฏภาพวาดของ ‘มะไฟ’ และภาพวาดหญิงสาวลานนาที่ประมูลมาได้จากศิลปินคนหนึ่ง แม้จะราคาไม่แพง ศิลปินไม่มีชื่อเสียง แต่ด้วยลวดลาย สีสัน อันงดงาม ทำให้หลงเสน่ห์
ทั้งนี้ ซินแสบอก ‘เจ้าสัวปั้น’ ว่า ปัจจุบันมะไฟมีความสุขมาก...นับเป็นความผูกพันของคนสองภพที่ผมยังต้องคารวะ
เลาะรั้วรอบบ้านกันเรียบร้อย ก็ถึงคราวต้องสอบถามถึงผลงานนวนิยายเล่มแรก ซึ่งทราบว่า ขณะนี้ไม่มีวางจำหน่ายในร้านหนังสือทั่วไปแล้ว แต่หากแฟน ๆ คนใดต้องการ ก็สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงที่ ‘เจ้าสัวปั้น’ โดยจะจัดส่งด้วยตนเอง พร้อมลายเซ็น
ที่แน่ ๆ เขาวางโครงการว่า จะลงทุนผลิต ‘สิเนหามนตาแห่งลานนา’ เป็นภาพยนตร์ โดยจับมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นใครนั้นขออุบไว้ก่อน แต่อย่างน้อยก็ตั้งเป้าความยาวเรื่อง 2 ชั่วโมง 30 นาที กำลังพอดี และอนาคตค่อยขยายไปทำละคร โดยยึดโมเดลเหมือน ‘โหมโรง’
ด้วยเหตุผลว่า ภาพยนตร์สามารถกลั่นกรองแก่นสำคัญของเรื่องมาได้ หากปล่อยให้ทำละคร กลัวว่าจะมุ่งเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ โดยขาดแก่นแท้ที่แฝงในนวนิยายเล่มนี้
(บริเวณโดยรอบบ้าน)
ต้องปรบมือให้รัว ๆ นอกจากจะเป็นนักการเงินที่บริหาร ธ.กสิกรไทย จนเจริญรุ่งเรืองแล้ว ยังวางแผนด้านแขนงบันเทิงอย่างเป็นเสต็ป จะไม่ประสบความสำเร็จก็ให้รู้ไป
ส่วนค่าลิขสิทธิ์ ‘เจ้าสัวปั้น’ พูดดัง ๆ ว่า แพงเวอร์...อุต๊ะ! ผมเกรงว่าจะราคาสูงกว่าบ้านหลังนี้ล่ะสิ
รู้อย่างนี้แล้ว คงต้องเตรียมตัวนั่งรอ นอนรอ อย่างใจจดจ่อ หนึ่งในนั้น คือลุคใหม่ของ ‘เจ้าสัวปั้น’ ที่เเตกต่างจากวันนี้
แล้วพบกันทุกวันอาทิตย์ .