ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกคดี‘ดิเรกฤทธิ์’ฟ้อง‘อิศรา’หมิ่นปมผลสอบจดหมายน้อยฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลอาญา ยกฟ้องคดี “ดิเรกฤทธิ์” เลขาธิการ สนง.ศาลปกครอง ฟ้อง “อิศรา” กล่าวหาหมิ่นประมาท นำเสนอผลสอบกรณีจดหมายน้อยฝากตำรวจไม่มีมูล ชี้เสนอข่าวด้วยข้อเท็จจริง-ติชมด้วยความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2558 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องอุทธรณ์ของนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ที่ยื่นฟ้องมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักข่าวอิศรา, นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา และนายเสนาะ สุขเจริญ บรรณาธิการสำนักข่าวอิศรา ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2540 จากกรณีที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ในหัวข้อ "ตุลาการ" โวย สนง.ศาลปกครอง แถลงบิดเบือนผลสอบ จม.น้อยฝาก ตร. และข่าวที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ
โดยคดีนี้ ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษายกฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนที่นายดิเรกฤทธิ์จะยื่นคำร้องขออุทธรณ์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ จะพิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทมูลนิธิ และควบคุมดูแลสำนักข่าวอิศรา มีจำเลยที่ 2 เป็น ผอ.สำนักข่าวอิศรา ดูแลบริหารจัดการเว็บไซต์ www.isranews.org จำเลยที่ 3 เป็นบรรณาธิการ และเป็นผู้อนุมัติให้มีการนำข่าวเผยแพร่
โดยจำเลยทั้งสามเผยแพร่ข้อความผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวข้างต้นในหัวข้อเรื่อง "ตุลาการ" โวย สนง.ศาลปกครอง แถลงบิดเบือนผลสอบ จม.น้อยฝาก ตร. และข่าวที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ โดยมีข้อความอยู่สองส่วน
ส่วนแรกมีว่า “ชี้ ดิเรกฤทธิ์ ไม่ได้โดนโทษเบาหวิว แต่ภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือน แต่อาจถึงขั้นทำผิดวินัยร้ายแรงตามระเบียบราชการพลเรือน”
ส่วนที่สองมีว่า “นอกจากนี้แล้วทางนายวิชัย รองประธานศาลปกครองสูงสุด อ้างว่า นายดิเรกฤทธิ์ ได้ถูกพักงานแล้วเป็นเวลา 2 เดือน และไม่ปรากฏความเสียหายในรูปแบบที่สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้งดโทษภาคทัณฑ์ และให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ไม่เป็นความจริง”
ทั้งนี้ ตามบทความที่ลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีโจทก์มีมูลความผิดตามฟ้องหรือไม่
โดยโจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า การเสนอข่าวของจำเลยทั้งสาม ไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 239 (3) เพราะโจทก์ก็มีหนังสือ 3 ฉบับ (จดหมายน้อย) ดำเนินการในทางวินัย สื่อมวลชนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่กลับเสนอข่าวลงในเว็บไซต์ ด้วยข้อความดังกล่าว มีการรายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ก็ไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นว่าเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
ศาลเห็นว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งเลขาธิการศาลปกครอง มีหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของศาลปกครอง ดังที่โจทก์เบิกที่สำนักงานศาลปกครองให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยอ้างถึงประธานศาลปกครองสูงสุดที่นำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อชี้มูลความผิดโจทก์
ต่อมาผู้มีอำนาจแต่งตั้งได้พิจารณาการดำเนินการทางวินัยและโทษของโจทก์ สรุปได้ว่า การกระทำของโจทก์เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑ์แต่มีเหตุอันควรงดโทษ จึงให้งดโทษและว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน สื่อมวลชนเช่นจำเลยทั้งสาม จึงได้ลงข้อความในเว็บไซต์ในส่วนแรกว่า “ชี้ ดิเรกฤทธิ์ ไม่ได้โดนโทษเบาหวิว แต่ภาคทัณฑ์ว่ากล่าวตักเตือน แต่อาจถึงขั้นทำผิดวินัยร้ายแรงตามระเบียบราชการพลเรือน”
เห็นได้ว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนไม่พอใจในผลการพิจารณาทางวินัยแจงโทษของโจทก์ว่าเบาเกินไป ควรจะถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง
ส่วนข้อกล่าวหาที่สองตอนท้ายว่า “ให้งดโทษภาคทัณฑ์ และให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ไม่เป็นความจริง” จึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กรณีการพิจารณาของโจทก์ โดยไม่เชื่อว่าจะมีการงดโทษภาคทัณฑ์ และให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร
จากข้อความทั้งสองส่วนนี้ ไม่มีข้อความใดเป็นการกล่าวร้ายใส่ความประจานโจทก์ตามความเข้าใจของวิญญูชนทั่วไป สื่อมวลชนจึงมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ระบายความรู้สึกของตนที่ไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาโทษของโจทก์ที่เบาผิดคาด ให้สาธารณชนได้รับรู้ ถึงว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต และติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3)
อีกทั้งข้อความทั้งสองส่วนนี้มิใช่ข้อมูลปลอมหรือเท็จดังที่โจทก์อ้าง เนื่องจากมิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลยทั้งสามย่อมไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2540 มาตรา 10 (1)
คดีโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้องที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์จึงเห็นพ้องด้วยในผลอุทธรณ์ของโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
อ่านประกอบ : ศาล ยกคดี"ดิเรกฤทธิ์"ฟ้อง "อิศรา" หมิ่น กรณี "ผลสอบจม.น้อย"ฝาก ตร.