จดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้า คสช.
เมื่อปี พ.ศ. 2520 ขณะที่ผมเป็นนักวิจัยอาคันตุกะอยู่ที่สิงคโปร์นั้น ผมปิดประตูทิ้งบ้านเช่ากลับมาเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ เมื่อกลับไปปรากฏว่าบ้านเช่าของผมซึ่งเป็นของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์นั้นถูกขโมยงัดแงะเข้าไป ขโมยของมีค่าไปหลายชิ้น ผมจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อนบ้านของผมบอกว่าขโมยถูกขังไว้ในคุกแล้ว วันรุ่งขึ้น ผมไปรับของคืนได้ครบถ้วนภายในเวลาครึ่งชั่วโมง
ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 มีคนร้ายใจอำมหิตวางระเบิดที่ศาลพระพรหมโรงแรมเอราวัณ คนตาย 20 คน บาดเจ็บมากกว่า 100 คน ขณะที่เขียนนี้ ( 24 สิงหาคม ) ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ทั้งที่เส้นทางคนร้ายเข้าออกนั้นมีกล้องวงจรปิดไว้มากมาย
ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ผมมีสิทธิที่จะคาดหวังได้หรือไม่ว่า
1. ผบ.ตำรวจแห่งชาติ, รอง ผบ., ผู้ช่วย ผบ.ทุกคน, ผู้กำกับและรองผู้กำกับสถานีตำรวจทุกสถานีทั่วประเทศ,จะต้องมีแผนปฏิบัติการจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างทันท่วงที
2. ในใจกลางนครหลวงของเรา เกิดระเบิดรุนแรงขนาดนี้ ผู้บังคับบัญชาระดับยอดสุดของเครือข่ายการรักษาความมั่นคงจะต้องรู้ภายใน 3 นาที
3. ผู้บังคับบัญชาระดับยอดสุดของตำรวจจะต้องออกคำสั่งให้ตำรวจไปสกัดจับคนร้ายภายใน 5 นาที
4. ผู้บังคับบัญชาของกลไกตำรวจทุกระดับจะต้องสามารถส่งกำลังตำรวจไปสกัดจับคนร้ายในรัศมี ห่างจากสถานที่เกิดเหตุเป็นระยะทาง 1 กม., 2 กม., 4-5 กม. ,ภายในเวลา 8 นาที, 9 นาที, และ 10 นาที ตามลำดับ
5. ตำรวจมีหน้าที่โดยตรงต้องทำงาน ต้องมีแผนงานและปฏิบัติตาม ถ้าไม่ทำงานจะต้องรับโทษ อย่าคิดว่ากล้องวงจรปิดทำงานแทนได้
6. หัวหน้า คสช. จะตรวจสอบดูว่า ตำรวจมีแผนงานการรักษาความปลอดภัยของรัฐในยามวิกฤตและในยามปรกติอย่างไรหรือไม่ กลไกรักษาความมั่นคงของรัฐจะใช้เหตุการณ์นี้ปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างจริงจัง อันจะเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ร้ายในอนาคตหวั่นกลัวว่า “การก่อการร้าย” ในไทยไม่ใช่ง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปากอีกต่อไป
7. ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระดมพลออกมาแสดงพลังที่เรียกว่า “ยุทธการปิดเมืองค้นรังโจร” ( 23 ส.ค. ) ก็ดี ด่วนประกาศว่า การวางระเบิดที่ศาลพระพรหมโรงแรมเอราวัณไม่ใช่การก่อการร้ายก่อนจับผู้ร้ายได้ก็ดี หรือประกาศว่าได้ขอความช่วยเหลือตำรวจสากลแล้วก็ดี
ถ้าคิดว่านั่นเป็นการเรียกคืนความเชื่อมั่นให้คนไทยและคนต่างชาติที่รักสันติ ผมว่าคงจะได้ผลในทางตรงกันข้าม พวกเขากลับจะคิดว่า “ตำรวจไทยคิดได้แค่นี้แหละหรือ? น่ากลัว” ส่วนคนร้ายก็จะพากัน “ไชโย โห่ฮิ้ว เมืองไทยนี้น่าอยู่จริงๆ”