‘ที่ปรึกษาสถาบัน สวล.’ แนะขยายรณรงค์งดใช้ถุงเป็นเสาร์-อาทิตย์ของทุกเดือน
ดีเดย์รณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกห้างสรรพสินค้า-ร้านสะดวกซื้อ ทุกวันที่ 15 ของเดือน เริ่ม 15 ส.ค.58 ‘ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์’ แนะทำวันเดียววัดผลสำเร็จยาก ควรขยายทุกเสาร์-อาทิตย์ของเดือน จับมือภาคเอกชนมากขึ้น เชื่อเกิดปากต่อปากลดขยะได้จริง
วันที่ 15 สิงหาคม 2558 จะเป็นวันแรกที่มีการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อตามนโยบายของรัฐบาล โดยส่งเสริมให้ใช้ถุงผ้าแทนทุกวันที่ 15 ของเดือน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับ 15 องค์กรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ฟู๊ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน), บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด, บริษัท เอก – ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด, บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด, บริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด, บริษัท บิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท บีทูเอส จำกัด, บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด, บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด และบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)
ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ที่ปรึกษาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า โครงการรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกนับเป็นการดำเนินงานที่ดี แต่จะรณรงค์เฉพาะวันที่ 15 ของทุกเดือน อาจไม่เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเฉพาะวันนั้นตรงกับวันธรรมดา ซึ่งผู้บริโภคไม่นิยมซื้อของ ทำให้การประเมินผลอาจไม่สะท้อนตัวเลขจริง และจะเกิดความสนใจน้อย
หากเป็นไปได้ควรขยายผลโครงการจากเดิมเป็นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของทุกเดือน เพื่อจะสามารถประเมินผลได้มากขึ้น ทั้งนี้ โครงการใด ๆ ก็ตาม ไม่ควรดำเนินการแบบเชิงสัญลักษณ์ แต่ต้องทำให้เห็นผลชัดเจน โดยกรณีนี้ต้องทราบตัวเลขปริมาณการลดลง เพราะการงดใช้ถุงพลาสติกไม่ช่วยลดขยะเท่านั้น ยังช่วยลดปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น การใช้ปิโตรเลียมอย่างคุ้มค่า ผลกระทบจากการใช้ปิโตรเลียม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ระยะยาวต้องทำให้ถุงพลาสติกเกิดมูลค่า เพื่อจะทำให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าของการใช้ถุงพลาสติก
“การจับมือของ 15 องค์กรภาคเอกชน ยังถือว่าน้อยเกินไป แต่ก็เชื่อว่าจะช่วยสร้างกระแสให้เกิดขึ้นได้ ขอเพียงลดการใช้ถุงพลาสติกร้อยละ 2-3 ต่อปี ก็สำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม การได้รับความร่วมมือจากองค์กรที่มากขึ้น จะทำให้เกิดปากต่อปากและช่วยรณรงค์ได้” ที่ปรึกษาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุปัจจุบันไทยมีขยะพลาสติกและโฟม 2.7 ล้านตัน หรือเฉลี่ย 7,000 ตันต่อวัน แบ่งเป็นถุงพลาสติก 5,300 ตันต่อวัน หรือร้อยละ 80 คิดเป็น 2 ล้านตัน ขณะที่ขยะโฟม 7 แสนตัน หากผู้บริโภคลดการใช้ได้คนละ 1 ใบต่อวัน ภายใน 1 ปี จะช่วยลดได้ถึง 24,455 ล้านใบ และช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก และช่วยแก้ปัญหาให้สัตว์ต่าง ๆ รอดตายจากการกินถุงพลาสติกกว่า 100,000 ตัวต่อปี .
ได้รับการสนับสนุนภาพจาก เว็บไซต์กระปุกดอทคอม