เมื่อเยาวชนสถานพินิจฯ สำนึกผิดเพราะคิดถึงแม่...
"อยากกลับไปกอดแม่ คิดถึงแม่"
อับดุลเลาะ (นามสมมติ) เด็กหนุ่มวัย 20 ปีจากบ้านพรุจูด ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเข้ามาอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนปัตตานีเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนแล้ว เผยความรู้สึกของเขาเมื่อถูกถามถึงแม่ในช่วงวันแม่แห่งชาติ
อับดุลเลาะเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะคดีพยายามฆ่า สาเหตุมาจากยาเสพติด ต้องโทษทั้งหมด 3 ปี เมื่อถูกตัดสินว่าต้องมาอยู่สถานพินิจฯ เขาบอกว่าทำใจไม่ได้ ตอนนั้นจะหนีอย่างเดียว เครียดมาก อยู่มา 1-2 เดือนก็ปรับตัวได้ และต้องยอมรับการใช้ชีวิตคนละแบบกับที่บ้าน
"ที่นี่มีเยาวชนชายอายุตั้งแต่ 13-24 ปีทั้งหมด 58 คน มาจากปัตตานี ยะลา และเบตง (อำเภอใต้สุดแดนสยาม อยู่ในจังหวัดยะลา) เราช่วยกันดูแลพวกเรากันเอง มีทะเลาะกันบ้างแต่น้อยมาก นานๆ ครั้ง เมื่อทะเลาะกัน ครูจะเรียกไปพูดคุย" อับดุลเลาะบอกเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ในสถานที่คุมขังอิสรภาพ
"อยู่ที่นี่โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ เงินก็พกไม่ได้ แม่มาเยี่ยมผมเดือนละสองครั้ง กลับบ้านได้เมื่อได้คะแนนความประพฤติดี สามเดือนผมได้ลากลับไปเยี่ยมบ้านครั้งหนึ่ง กลับไปครั้งหนึ่งก็ 3 วัน 2 คืน เป็น 3 วัน 2 คืนต่อสามเดือน ช่วงรายอก็ได้กลับสำหรับเด็กที่ปฏิบัติศาสนกิจครบ จุดนี้กลายเป็นแรงจูงใจส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องๆ เพื่อนๆ ได้ละหมาดตะรอเวียะฮ์ (ละหมาดพร้อมกันช่วงกลางคืนในเดือนรอมฎอน) และปฏิบัติศาสนกิจช่วงเดือนรอมฎอนกันครบ"
ชีวิตในสถานพินิจฯของอับดุลเลาะและเพื่อนๆ เป็นชีวิตที่เขาบอกว่าอยู่สบาย แต่ไร้อิสรภาพ
"ช่วงตีห้าตื่นมาเอาน้ำละหมาด (ชำระร่างกายก่อนประกอบศาสนกิจ) จากนั้นก็กินข้าวตอนเจ็ดโมงครึ่ง เข้าแถวแปดโมง ขึ้นมาประชุมบ้าน พบครูที่ปรึกษา เรียนวิชาชีพ ผมเรียนวิชาทำชาชัก ทานข้าวเย็นสี่โมงครึ่ง ห้าโมงครึ่งขึ้นหอ ดูทีวี มีสองหอ ไม่ให้นำหนังสือขึ้นหอ ละหมาดมักริบและอีซา ช่วงนี้กินอะไรไม่ได้แล้ว ต้องปรับตัวเรื่องอาหาร" เขาเล่าถึงกิจวัตรที่ต้องทำทุกวัน
และว่า เขาเรียนมาแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แล้วไม่ได้เรียนต่อ เมื่อเข้ามาอยู่ในนี้มีครูจาก กศน. (การศึกษานอกโรงเรียน) มาสอนทุกบ่ายวันพุธ ก็ลงเรียนต่อ ตอนนี้กำลังจะจบชั้นมัธยมต้น อยากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ซึ่งทางสถานพินิจฯไม่ได้บังคับ ใครจะสมัครเรียนก็ได้
ด้วยความเป็นลูกคนเดียวของแม่ เขาจึงตั้งใจประพฤติตัวและใจในหนทางที่ถูกต้อง รอเวลากลับไปหาแม่
"พ่อเสียไปแล้ว มีแต่แม่คนเดียว อายุ 50 ปีแล้ว ผมเป็นลูกคนเดียว เวลาแม่มาหาจะบอกให้อยู่ดีๆ ออกไปแล้วอย่ากลับไปเล่นยาเสพติดอีก แม่ดีใจที่ไม่กลับไปเล่น ผมกลับบ้านไป 4-5 ครั้งไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่มาชวนเล่นยาเสพติดอีกเลย แม่ดีใจมาก อยากกลับไปกอดแม่ คิดถึงแม่ทุกวัน"
อับดุลเลาะฝากข้อคิดแก่เยาวชนที่ยังโลดแล่นอยู่นอกกำแพงสูงว่า ต้องคิดก่อนทำ ถ้าทำแล้วคิดก็ช่วยอะไรไม่ได้
"ด้วยอารมณ์ชั่ววูบของวัยรุ่นสมัยนี้ ต้องให้อยู่รอดในสังคม ถ้าเพื่อนมาชวนไปเล่นยาก็ต้องปฏิเสธ เอาเวลาไปช่วยทำงานบ้าน ทำตัวอย่าให้ว่าง ถ้าเขามาชวนอีกก็หาทางหนี ขนาดผมเป็นลูกคนเดียว เมื่อเพื่อนมาชวนแม่ยังดูไม่ทัน ตอนผมกลับไปเขายังมาชวนไปเล่นยาอีก แต่ผมบอกเขาว่าไม่เอาแล้ว เขาก็ไม่มาหาแล้ว ต้องใจแข็งและอดทน"
"เวลาเกือบ 3 ปีในนี้ ทำให้ได้ปรับปรุงตัวเอง ช่วงแรกที่เข้ามา ใครบอกอะไร เตือนอะไรจะไม่ฟังเลย ช่วงหลังได้คิดเยอะขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ รับฟังสิ่งที่มีคนแนะนำ เมื่อได้ออกไป ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร ผมเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าเขามองเราไม่ดี ก็ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้เพราะเรารู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่" อับดุลเลาะอธิบายถึงความตั้งใจของเขาหลังได้อิสรภาพ
ทุกวันนี้เวลามีกิจกรรมในสถานพินิจฯ อับดุลเลาะและเพื่อนจะตั้งซุ้มขายชาชัก รวมทั้งไปออกบูธตามงานต่างๆ ของจังหวัดด้วย เขาบอกว่าดีใจที่ได้ฝึกวิชาชีพเพิ่มขึ้น
"ไปกันสองคนกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่ รายได้เข้าสถานพินิจฯ เราก็ฝึกฝีมือไปเรื่อยๆ ออกไปเมื่อไหร่ตั้งใจจะไปเปิดร้านขายน้ำที่บ้าน" เขาบอกด้วยสีหน้าและแววตามที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
พลังแห่งความดีและความรักที่มีต่อแม่จะทำให้ฟ้าหลังฝนของอับดุลเลาะสดใสขึ้นกว่าแต่ก่อน...