2 หนุ่มปัตตานีเดินเท้าเข้ากรุง แบกทุกข์คนชายแดนใต้ให้นายกฯช่วย
เหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พุ่งเป้าไปยังประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้กระทั่งพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา กลายเป็นแรงผลักดันให้หนุ่มไทยพุทธ 2 คนตัดสินใจเดินเท้าจากดินแดนปลายด้ามขวาน มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
ปฏิเสธไมได้ว่าเหตุสลดล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558 ที่มีการลอบวางระเบิดทหารชุดคุ้มครองพระขณะออกบิณฑบาต ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จนทำให้พระมรณภาพถึง 2 รูป คือ พระเอกพล อินทโร มรณภาพในวันเกิดเหตุ และ พระพยอม ฐานวุฑโฒ มรณภาพในอีกหลายวันต่อมา ทำให้ชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่มีรายได้วันละไม่ถึง 300 บาท อยู่นิ่งไม่ไหว ต้องลุกขึ้นทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกคืนความสงบและสันติสุขกลับมา
ชายหนุ่ม 2 คนนี้ คือ วิษณุ รัตนหิรัญ กับ ปราโมทย์ เพ็งจันทร์ ทั้งคู่เดินเท้าออกจากบ้านบาเลาะ ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่วันพุธที่ 5 สิงหาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ
นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังตั้งใจเดินให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และปกป้องพระพุทธศาสนา รวมทั้งจะขอเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อขอให้ดูแลประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ด้วย
วิษณุ บอกว่า จะขอเดินเท้าไปพบ พลเอกประยุทธ์ เพื่อแบกน้ำตาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปมอบให้นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดูและพิจารณาหาทางช่วยเหลือโดยเร็ว
ระยะทางจากอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ถึงกรุงเทพฯ มากกว่า 1,000 กิโลเมตร วันแรกทั้งคู่เดินได้ 60 กิโลฯ พักคืนแรกที่อำเภอเมืองปัตตานี วันที่สองเดินต่อ มุ่งหน้าไปยังอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยระหว่างทางได้แวะสักการะหลวงพ่อดำที่วัดตุยง (วันมุจลินทวาปีวิหาร) อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีด้วย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
ยิงผู้หญิงเจ็บ 2 ไม่สนเด็กน้อยในอ้อมอก
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เวลาประมาณ 12.15 น.วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม ขณะที่ นางสาวบุญตา แดงน้อย อายุ 30 ปี กำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตำบลกาหลง อำเภอศรีสาคร เพื่อไปเยี่ยมญาติที่บ้านบากง ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นางสาวชนนิกานต์ แดงน้อย อายุ 35 ปี และ เด็กชายจิรเมศ แดงน้อย ลูกชายของนางสาวชนนิกานต์นั่งซ้อนท้ายมาด้วยนั้น
ปรากฏว่าระหว่างทางในท้องที่บ้านบือแนนากอ หมู่ 6 ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร ได้มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงเข้าใส่ โดยไม่สนใจว่าเหยื่อเป็นผู้หญิง ซ้ำยังมีเด็กนั่งมาด้วยตรงกลาง คมกระสุนทำให้ นางสาวบุญตา และนางสาวชนนิกานต์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนเด็กชายจิรเมศ ปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบ เนื่องจากนางสาวชนนิกานต์ เป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน หรือ อรบ. ที่อำเภอศรีสาคร
นาวิกฯพลีชีพเพิ่มอีก 1 – ปิดล้อมยึดปืนอื้อ
ด้านความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดโจมตีทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ชุดลาดตระเวนเส้นทางเพื่อรักษาความปลอดภัยให้คณะครู ในพื้นที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย คือ พลทหารกิตติพงษ์ บุตรศรีผา นั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า พลทหารพัสกร บุญมากร ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้สิ้นใจตามไปอีกคน โดยในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม ได้มีพิธีรดน้ำศพที่ณาปนสถาน ศาลาวัดโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
นาวาเอกบุญเกิด มูลละกัน รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กองทัพเรือ ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยปฏิบัติการข่าว อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่บ้านปาลุกา หมู่ 5 ตำบลกาเยาะมาตี อำเภอบาเจาะ เพื่อหาตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิด และสามารถตรวจยึดอาวุธปืนอัดแก๊สไทยประดิษฐ์จำนวน 3 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ในถังพลาสติกสีขาว ฝังไว้ข้างบ้านเลขที่ 129/ 2 หมู่ 5 บ้านปาลุกา นอกจากนั้นยังพบอุปกรณ์ที่อาจนำไปประกอบระเบิดได้อีกจำนวนหนึ่ง เช่น เหล็กเส้นตัดท่อน เครื่องชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 รายไปสอบสวนขยายผล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 สองหนุ่มปัตตานีเดินเท้าเข้ากรุง (ภาพโดย นาซือเราะ เจะฮะ)
3 ปืนอัดแก๊สแบบประดิษฐ์เองที่พบหลังการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส (ภาพโดย ปทิตตา หนูสันทัด)