"จีน" รุดพบ "บิ๊กตู่" หลังศาลปค.สูงสุดพิพากษา"ฝ่าหลุนกง" ยื่นตั้งส.ในไทยได้
"สถานทูตจีน" รุดพบ"ประยุทธ์" หลังศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษาให้กลุ่มฝ่าหลุนกงยื่นตั้งสมาคมในไทยได้ หลังถูกปฏิเสธก่อนหน้านี้ เผย"ประวิตร" ประสานงานให้ก.ต่างประเทศ เตรียมข้อมูลรอแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2558 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ที่ให้เพิกถอนคำสั่งของ นายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ยกอุทธรณ์ของนายไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล กับพวกรวม 3 ราย ผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย ส่งผลทำให้สมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย สามารถจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว เป็นผลมาจากการ นายไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล กับพวกรวม 3 ราย ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทยต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อนายทะเบียนฯ ได้รับคำขอและได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ยังไม่สมควรอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทยเพราะอาจกระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย - จีน จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตรับจดทะเบียนดังกล่าว
ผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งไม่อนุญาตต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเมื่อได้รับเรื่องแล้วได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งไม่อนุญาตรับจดทะเบียนของนายทะเบียนฯ ชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม
ผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล โดยศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และผู้ฟ้องคดีทั้งสามยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ฟ้องคดี ทั้งสามยื่นคำขอจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย โดยระบุว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ส่งเสริมการฝึกซี่กงแบบฝ่าหลุนกงเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ (2) เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข่าวสารแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป (3) เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ฝึก (4) ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงให้กับบุคคลทั่วไป (5) เป็นสมาคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ศาสนา หรือลัทธิใดๆ และ (6) เป็นสมาคมที่ไม่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและไม่แสวงหากำไร ซึ่งตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ปรากฏนี้ถือได้ว่าไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ การที่นายทะเบียนฯ ปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม โดยเห็นว่า หากรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น การกล่าวอ้างการกระทำที่เกิดขึ้นของกลุ่มบุคคล แต่มิใช่เป็นการกระทำของสมาคม เพราะนายทะเบียนฯ ยังไม่ได้รับจดทะเบียน ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจึงเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในการกระทำของสมาคม ซึ่งหากความปรากฏภายหลังว่า นายทะเบียนฯ ได้จดทะเบียนให้แก่สมาคมแล้ว และหากปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ย่อมอาศัยอำนาจตามมาตรา 102 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หรือตามมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าว ในกรณีมีเหตุตามมาตรา 102 ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้นายทะเบียนฯ ถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้
ดังนั้น การดำเนินกิจการของสมาคมตามความเชื่อ และข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับ ฝ่าหลุนกง บุคคลทั่วไป ย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามความเชื่อถือของตน และย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เว้นแต่การปฏิบัตินั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ส่วนการรับ จดทะเบียนสมาคมนอกจากเรื่องวัตถุประสงค์ของสมาคมแล้วยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดอีกหลายประการที่นายทะเบียนฯ จะต้องพิจารณา ตามมาตรา 82 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก่อนที่จะรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่สมาคม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองต้องไปดำเนินการต่อไป
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้เพิกถอนคำสั่งของ นายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ได้มีการระบุถึงเหตุผลที่หน่วยงานราชการในประเทศไทย ที่เห็นว่ายังไม่สมควรให้สมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย ได้รับอนุญาตให้มีการจดทะเบียนในประเทศไทย เพราะมีข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มฝ่าหลุนกงที่เคลื่อนไหวอยู่มีลักษณะต้องการเผยแพร่ความเชื่อของลัทธิฝ่าหลุนกงและโจมตีรัฐบาลประเทศอื่น โดยเฉพาะรัฐบาลจีน ที่ประกาศให้ลัทธิฝ่าหลุนกงเป็นองค์กรที่ผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลจีน และยังมีคำสอนบางส่วนที่บิดเบือนหลักศาสนาพุทธ
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยมานาน หากรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฯ จะสะท้อนภาพถึงการเข้าไปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มฝ่าหลุนกง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน อันจะเกิดผลเสียหายต่อประเทศไทย
ขณะที่ ผู้ฟ้องคดีทั้งสามอุทธรณ์ว่า เหตุผลในการไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกง ที่หน่วยงานราชการไทยกล่าวอ้างไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการคาดการณ์ เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการสืบสวนทางลับ ขณะที่การดำเนินการจัดสมาคมฯ ก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกประการ
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาสถานทูตจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความคืบหน้าคดีนี้อย่างใกล้ชิด และภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาออกมา สถานทูตจีนได้มีการประสานงานเพื่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอหารือเรื่องนี้ทันที เบื้องต้น พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานกับศาลปกครองเพื่อขอสำเนาคำพิพากษาให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมข้อมูลให้พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อใช้ในการหารือร่วมกับสถานทูตจีนแล้ว
อ่านประกอบ : คำพิพากษาศาลปค.สูงสุด คดีฝ่าหลุนกงยื่นตั้งสมาคมได้
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Google