พระมหานภันต์: ขอให้ระเบิดทำลายได้แต่ร่างกายพระ อย่าทำลายหัวใจพุทธศาสนา
เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2558 จนทำให้พระสงฆ์มรภาพ 1 รูป และบาดเจ็บอีก 1 รูปนั้น มีอะไรที่ทำได้มากกว่าการออกแถลงการณ์ประณาม การระบายความโกรธแค้นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และการที่ฝ่ายความมั่นคงห้ามพระออกบิณฑบาตเป็นการชั่วคราว
นับเป็นการตั้งประเด็นที่อาจสวนทางความรู้สึก และท้าทายสติปัญญาเป็นอย่างยิ่ง
พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และประธานกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ซึ่งลงไปจัดกิจกรรมกระบวนการให้กับพระและญาติโยมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เป็นเรื่อง เป็นข่าว" ทางสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอาไว้อย่างน่าสนใจ
"เบื้องต้นต้องรู้อยู่แล้วว่าเขา (ผู้ก่อการ) ต้องการให้เกิดไฟ อย่างคำว่าพระสงฆ์เหยื่อไฟใต้ที่สื่อมวลชนใช้ คำนี้ชัดอยู่แล้วว่ามันร้อน ฉะนั้นจึงต้องระมัดระวังความรู้สึกของเราเอง อย่าให้เป็นเหยื่อของไฟ เพราะความร้อน คือ กิเลส และโทสะที่แผดเผา
ในโซเชียลมีเดียตอนนี้ชัดเจน มีการแชร์ เรียกร้อง ใช้คำว่า 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน' บางทีก็น่าตกใจ เพราะการเรียกร้องให้ใช้ 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน' นั้นมาจากพระสงฆ์ซึ่งควรชวนญาติโยมให้ใช้แนวทางสันติวิธีมากกว่า
เบื้องต้นต้องชวนคนในสังคมไทยให้เข้าใจก่อนว่า ทำไมพระสงฆ์ส่วนหนึ่งจึงรู้สึกไม่ดีมากๆ รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมาก รู้สึกว่าทำไมต้องยอม ทังนี้เพราะเหตุการณ์ภาพรวมของเมืองไทยที่ผ่านมามีการคุกคามศาสนาจากหลายๆ รูปแบบ หลายๆ กลุ่มคน ในที่สุดพระเองก็มีความรู้สึกว่า ทั้งๆ ที่เป็นผู้นำประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ทำไมจึงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งความรู้สึกนี้รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสามจังหวัดใต้ และญาติโยมส่วนใหญ่ก็จะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน
ชีวิตพระท่านต้องสู้กับกิเลสอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ต้องสู้กับกิเลส แต่ขอให้เราเข้าใจร่วมกันว่า ถ้าเราไม่ช่วยกันหาทางออก จะบีบให้พระออกมาสู้ในแบบที่ไม่ได้เป็นการออกแบบโดยพระพุทธเจ้า
เราเห็นตัวอย่างในบ้านใกล้เรือนเคียง มีพระออกมาปลุกเร้าพุทธศาสนิกชนให้ต่อสู้ในบางเรื่องบางสิ่ง สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์ 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน'
ฉะนั้นด้านหนึ่งต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อน ต้องรู้เท่าทันก่อน กระแสที่ระอุคุกรุ่น เราต้องชวนมีสติก่อน แล้วปัญญาจะค่อยๆ ตามมา ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ต้องชวนกลับมาที่หลักของพระพุทธเจ้าก่อน เพราะพระพุทธเจ้าเน้นเรื่องความไม่รุนแรง เช่น ไม่เข้าไปทำร้าย ไม่เข้าไปว่าร้าย, ผู้เข้าไปเบียดเบียนทำร้ายคนอื่น ไม่ได้ชื่อว่าเป็นบรรพชิต, ผู้ที่ไปเบียดเบียนคนอื่น ไม่ได้ชื่อว่าเป็นสมณะที่สงบ เป็นต้น
ไม่ว่าศาสนาไหนก็ควรจะกลับมาที่หลักการก่อนว่าศาสดาของตนเองสอนว่าอย่างไร ในศาสนาพุทธ ถ้าฆ่าความโกรธได้ก็เป็นสุข พึงชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ คนโกรธไม่มีสติ เราไม่ควรไม่มีสติตามเขา แต่ควรมีปัญญา ใช้สติ
มีหลายเสียงอาจจะบอกว่าอาตมาไม่ได้อยู่ใต้ ถึงพูดแบบนี้ได้ อยากบอกว่าอาตมาชวนทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย คนส่วนใหญ่ในประเทศที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ก็ต้องเข้าใจว่าทำไมพระหรือญาติโยมที่นั่นจึงรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ รู้สึกทำไมต้อง 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน' ขอให้เข้าใจว่าต้องนึกภาพพระบิณฑบาตอยู่ เมื่อมีเสียงมอเตอร์ไซค์ต้องเหลียวดูทุกครั้ง เดินใกล้ถังขยะ ได้ยินเสียงอะไรปึงปังก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าจะเกิดเหตุอะไรหรือเปล่า ความรู้สึกอย่างนี้เกิดทุกวัน คนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจะไม่เข้าใจ
จริงๆ แล้วอาตมาในนามกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม ได้ทำโครงการกับพระและญาติโยมในพื้นที่ ออกแบบจัดทำกระบวนการต่างๆ เพื่อเยียวยาจิตใจคนชายแดนใต้ ทำให้พุทธศาสนามั่นคงในจิตใจทั้งของญาติโยมและพระ
ความทุกข์ของพระ เราทำโยงในแง่โครงการว่า ชวนพระธรรมทูตเรียนรู้กระบวนการ โดยเราไปรับฟังทานก่อน ที่ผ่านมาโครงการจากส่วนกลางเอาความคิดจากส่วนกลางลงไป แต่กลุ่มเพื่อชีวิตดีงามลงไปเก็บข้อมูลก่อนว่าท่านรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร
สิ่งแรกท่าน (พระในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้) ขอให้สะท้อนชีวิตพระธรรมทูต เมื่อก่อนพระคุ้มครองทหาร ทหารแขวนพระ ขอพรจากพระ แต่วันนี้ทหารต้องคุ้มครองพระ สิ่งแรกที่ท่านต้องการ คือ ความรู้สึกเอาใจใส่และเข้่าใจสิ่งที่ท่านกำลังเจอ ทำไมท่านกดดัน เพราะท่านอยู่ตรงนั้นต้องเป็นขวัญกำลังใจให้ชาวบ้าน ที่ไหนที่พระออกจากพื้นที่ ชาวบ้านแทบไม่มีขวัญกำลังใจ ผ้าเหลืองเป็นธงชัย เป็นขวัญกำลังใจสำหรับญาติโยม
โครงการของเราต้องการให้กำลังใจพระ และต้องการให้พระไปเป็นกำลังใจให้ญาติโยมอีกต่อหนึ่ง
การแก้ไขปัญหานี้เราต้องดูภาพระยะใกล้กับระยะไกล ความรู้สึกอัดอั้นตันใจของพระและญาติโยม เราต้องมองอย่างเข้าใจว่าศาสนิกอื่นเป็นชนกลุม่น้อยในประเทศ แต่ในพื้นที่ตรงนั้น พุทธศาสนิกชนเป็นชนกลุ่มน้อย
ฉะนั้นเวลาเกิดอะไรขึ้น การที่ภาครัฐดูแลให้ความสำคัญกับพี่น้องศาสนิกอื่น จริงๆ เป็นเรื่องที่ดี ควรทำ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลพุทธศาสนิกชนอย่าให้ขาดตกบกพร่อง ต้องใส่ใจให้เท่าเทียม ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรู้สึกในลักษณะว่าทำไมดูแลแต่ศาสนาโน้น ศาสนานี้ไม่ดูแล
ตัวอย่าง มีการบอกว่าขอให้งดการบิณฑบาต มีคำถามจากหลายกลุ่ม ภาครัฐอยากให้พระงดบิณฑบาต เพราะอยากให้พระปลอดภัย ไม่อยากให้สูญเสีย ไม่ให้เสียขวัญกำลังใจซ้ำอีก
แต่สมมติเกิดเหตุการณ์กลับกัน เกิดเหตุระเบิดระหว่างการประกอบพิธีทางศาสนาของอีกศาสนาหนึ่ง คำถามคือเราจะห้ามเขาประกอบพิธีทางศาสนาหรือเปล่า อันนี้ชวนให้คิดถึงใจทั้งสองฝ่าย ต้องชวนให้ทั้งสองศาสนาเข้าใจหัวอกภาครัฐด้วย ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจทุกฝ่าย สุดท้ายเราจะสร้างปัญหาใหม่ซ้ำเติมปัญหาเดิม
ขณะเดียวกันมาตรการของภาครัฐก็ต้องเข้าใจความละเอียดอ่อนเหล่านี้ ถ้าความประสงค์ของผู้ก่อการต้องการให้เกิดภาวะความหวาดกลัว ต้องการให้บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องการให้เกิดความสูญเสียกำลังใจอย่างใหญ่หลวง และบีบคั้นให้ชาวพุทธออกจากพื้นที่อยู่แล้ว ถ้าเรางดบิณฑบาต ด้านหนึ่งจะเป็นความสำเร็จของฝ่ายก่อการ เพราะเข้าต้องการให้เกิดอยู่แล้ว ฉะนั้นมาตรการแบบนี้ต้องดำเนินการโดยความระมัดระวัง
เบื้องต้นขอให้ฝ่ายพุทธศาสนิกชน เข้าใจภาครัฐนิดหนึ่ง เพราะมาตรการที่ออกมาต้องการให้พระและญาติโยมปลอดภัย แต่ระยะยาวก็ต้องใส่ใจว่า ภาครัฐหรือผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร
หลักการของพระพุทธศาสนา แม้โดนทำร้าย ตัดมือตัดเท้า ก็ไม่โกรธ แต่ถ้าโกรธก็ถือว่าไม่ทำตามสิ่งที่พรพุทธเจ้าสอน บางคนอาจบอกว่าคิดแบบนี้โลกสวย ถ้าคิดอย่างนี้ก็เริ่มลำบาก เพราะสิ่งที่พระองค์ให้คือปัญญาและการรู้จักให้อภัย ถ้าเราคิดแต่ว่าเราไม่ยอม ก็จะก่อเวรไม่มีที่สิ้นสุด
เราต้องเข้าใจผู้ก่อการส่วนหนึ่งเขาเคยเดือดร้อนจากการกระทำของรัฐไทยที่ทำให้เขาสูญเสียพ่อแม่ ครอบครัว เขาจึงอาจทำแบบนี้ ปัญหามันมีที่มา แต่ถ้าคิดแต่จะตาต่อตา ฟันต่อฟัน สุดท้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด จะเกิดการล้างแค้นไปล้างแค้นมา เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร ไม่ว่าเวลาไหนๆ
ระเบิดขอให้ทำลายได้แต่ร่างกายพระ อย่าทำลายหัวใจพระ...ทั้งพระสงฆ์ และหัวใจของพระธรรม
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบนั้นไม่มี ฉะนั้นต้องช่วยกัน การที่เราโกรธ ระเบิดแล้วปะทุ เรียกร้องอะไรขึ้นมา จริงๆ แล้วไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว ทางแก้ปัญหาต้องสงบ ตั้งมั่น หนักแน่น ช่วยมองในอนาคตว่าจะแก้อย่างไร โทสะที่เผาใจนั้น ไม่ว่าจะเผาใจ เรา หรือเผาใจของผู้ก่อการ ก็เป็นโทสะตัวเดียวกัน ถ้าฆ่าความโกรธได้ถึงจะเป็นสุข"
ชายแดนใต้ รปภ.เข้ม เวียนเทียนกลางวัน
ด้านบรรยากาศในวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาที่ชายแดนใต้ ปรากฏว่ายังมีการประกอบศาสนกิจตามปกติ แม้จะไม่เป็นไปตามเวลาปกติก็ตาม
ที่วัดอุไรรัตนาราม ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ชาวไทยพุทธ 2 ชุมชน คือ ชุมชนตลาดบาเจาะ และชุมชนน้ำตกปาโจ ได้พร้อมใจกันจัดพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันอาสาฬหบูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และข้าราชการฝ่ายปกครองไปพื้นที่ไปร่วมพิธีอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของฝ่ายความมั่นคง
บรรยากาศแบบนี้พบเห็นได้จนชินตาตลอด 11 ปีที่มีสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยปีนี้มีการจัดกำลังรักษาความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ นอกจากบริเวณวัดแล้ว ยังมีการวางกำลังดูแลตลอดเส้นทางสัญจรระหว่างชุมชนกับวัด เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงด้วย
ส่วนที่วัดเมืองยะลาพระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครยะลา พลโทปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 นำพุทธศาสนิกชนา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารคาวหวาน และอาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
ที่จังหวัดปัตตานีในช่วงเช้า นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นำพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตร และอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่วัดตานีนรสโมสร อำเภอเมืองปัตตานี ส่วนพิธีเวียนเทียนจัดขึ้นเวลา 17.00 น. โดยทุกพื้นที่มีการอารักขาเข้มทั้งบริเวณวัดและเส้นทางสัญจรสายต่างๆ
พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดคุ้มครองพระสงฆ์ออกบิณฑบาต ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องเข้าใจว่าไม่ใช่เกิดจากคนมุสลิมทั้งหมด แต่เป็นเฉพาะคนเท่านั้นที่กระทำไม่ดี ส่วนกรปฏิบัติกิจของสงฆ์ คือ การออกบิณฑบาตในช่วงเข้าพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งพระสงฆ์ทุกรูปต้องถือปฏิบัติ แม้อาจจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นซ้ำซ้อนอีก โดยมติของคณะสงฆ์ที่ได้ร่วมประชุมกับฝ่ายความมั่นคง สรุปให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองพระออกบิณฑบาตเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม โดยยึดหลักความปลอดภัย บางพื้นที่พระสงฆ์จะไม่ออกบิณฑบาต แต่จะยืนรอรับบาตรจากชาวบ้านในบริเวณวัด ขณะที่บางพื้นที่จะออกเดินบิณฑบาตตามปกติในพื้นที่เชฟตี้โซน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท (ภาพจากรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว)
2 บรรยากาศเวียนเทียนกลางวันที่ชายแดนใต้ (ภาพจากเจ้าหน้าที่)