รองผู้ว่าฯ วว.แจงปมบินดูงาน ตปท.ใช้ 2.3 ล. ‘เป็นพันธกรณี’ ไม่ขัดคำสั่ง คสช.
รองผู้ว่าฯสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯส่งหนังสือ แจงด่วน กรณี ผู้ว่าฯยกคณะบินดูงาน ตปท.ใช้งบฯ 2.3 ล้าน ไม่ขัดคำสั่ง คสช. ยันอยู่ใต้พันธกรณีปี 57 ทำตามระเบียบทุกอย่าง
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 58 ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้อนุมัติให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสถาบันเดินทางไปดูงานที่เมือง โออิตะ และ ฟูกุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.-25 เม.ย.58 จำนวน 3 คณะ รวมเป็นเงินกว่า 2.3 ล้านบาท และอาจคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้กรณีมีคำสั่ง ให้หน่วยงานของรัฐทุกส่วนระงับการเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ2558 ให้เปลี่ยนเป็นการศึกษาดูงานภายในประเทศแทน ยกเว้นกรณีเข้าร่วมประชุมอบรมสัมมนา ตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือ หลักสูตรการศึกษาที่ได้กำหนดไว้แล้ว (อ่านประกอบ:เมินคำสั่ง‘บิ๊กตู่’ สะพัด!ผู้ว่าฯ วว.ยกคณะบินดูงานเมืองนอก 2.3 ล.-รองฯไม่สะดวกแจง)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29ก.ค.58 นางฉันทรา พูนศิริ รองผู้ว่าการวิจัยเเละพัฒนาด้านอุตสาหากรรมชีวภาพ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.)ได้ส่งหนังสือขอชี้แจงข้อเท็จจริงมายังสำนักข่าวอิศรา ดังนี้
1.คณะเจ้าหน้าที่ วว. จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ได้เดินทางไปร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการเพิ่มขีดความสามารถ OTOP ของไทย ณ OVOP Internaional Exchange Promotion Committee เมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน พ.ศ.2558 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างองค์ความรู้ด้านแนวทางการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาผู้ประกอบการที่ดี และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสินค้าได้ในระดับสา ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมมือที่ วว. ร่วมกับจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ภายใต้โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่มีแผนงานการดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
2.คณะผู้บริหารและนักวิจัย วว.มีการเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปี 9th AIST-TISTR-NSTDA Conference เพื่อประชุมหารือทบทวนความก้าวหน้าของกิจกรรมความร่วมมือระหว่าง วว. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สวทช.) และ The National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) และกำหนดแนวทางการพัฒนาโครงการความร่วมมือในสาขาต่างๆ ได้แก่ พลังงานทดแทนสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมชีวภาพ วัสดุศาสตร์ มาตรวิทยา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมทั้งประชุมกลุ่มย่อยในสาขาต่างๆ ข้างต้นกับหน่วยงานในสังกัด AIST ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน พ.ศ.2558 ณ เมืองฟุคุชิมาและเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานดังกล่าวปี พ.ศ.2557 โดยเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ การเดินทางไปปฏิบัติงานในต่างประเทศดังกล่าว วว. ได้ถือปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 และตามข้อสั่งการของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องการขออนุมัติการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเดินทางเข้าร่วมประชุมตามพันธกรณีและเป็นการดำเนินงานที่มีการกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว
นางฉันทรา พูนศิริ กล่าวเพิ่มเติมต่อผู้สื่อข่าวว่า เพิ่งเข้ามารักษาการเเทนผู้ว่าการ เนื่องจากหมดวาระไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนเมษายน ผู้ว่าฯได้อนุมัติให้ คณะเจ้าหน้าที่ของ วว. และเจ้าหน้าที่ของจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด ได้เดินทางไปร่วมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงให้เจ้าหน้าที่นอกหน่วยงานได้เดินทางไปดูงานด้วย นางฉันทราชี้เเจงว่า เนื่องจากเป็นงานที่ทาง วว.รับมาจากจังหวัดจันทบุรีเเละจังหวัดตราด ซึ่งเป็นการรับงานมาเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการของจังหวัด เป็นเงินของทางจังหวัดไม่ใช่เงินของทาง วว. ทางวว.รับงานที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการและในข้อตกลงได้มีการระบุไว้ว่า มีการพาผู้ประกอบการไปเพื่อพัฒนาศักยภาพและเเลกเปลี่ยนเรียนรู้ของต่างประเทศ เป็นความร่วมมือพันธกรณีกันตั้งเเต่ปี2557แล้วระหว่าง3หน่วยงานเป็นงานที่ทำตามปกติเนื่องจากมีการทำเอ็มโอยูกัน มีการลงนาม ล่าสุดในปี57 ในเอ็มโอยูทั้ง3หน่วยงานจะมีการเเลกเปลี่ยนความรู้กัน เรื่องการจัดในเวลาไล่เลี่ยกันทั้ง3คณะนั้น เป็นความบังเอิญ เพราะว่าของ AIST ต้องใช้เวลาว่างที่ตรงกันทั้ง3หน่วยงานถึงจะจัดรวมกันได้ ส่วนของจันทบุรีตราดเป็นเรื่องของที่ทางจังหวัดจะว่างตรงกันกับทาง วว.ที่มีความพร้อม ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องไปพร้อมกันทั้งสามคณะ
อีกทั้งยืนยันว่าไม่ได้ขัดคำสั่งของ คสช.ทราบมติของ คสช.ที่ประกาศงดให้ไปดูงานต่างประเทศ เเต่นี่ไม่ใช่การดูงานตามปกติเป็นงานที่อยู่ภายใต้พันธกรณีเเละได้ทำตามระเบียบของทางราชการทุกอย่าง