พลเอกเอกชัย : ปล่อยตัวอดีตแกนนำพูโลส่งสัญญาณบวกพูดคุยดับไฟใต้
ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีฯ สถาบันพระปกเกล้า ชี้การปล่อยตัวอดีตแกนนำพูโล เป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งมีบทบาทเรื่องการพูดคุยทางลับกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มองว่า การพักการลงโทษและปล่อยตัว หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโล เป็นอิสระ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันฮารีรายอ อีฎิ้ลฟริตริ นั้น เป็นการส่งสัญญาณบวกจากรัฐบาลไทยต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้เห็นต่างจากรัฐที่อาจจะเคยกระทำผิด แต่ภายหลังมีความประพฤติที่ดี ก็มีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตตามปกติที่บ้านเกิดของตนเอง
"ผมเคยเข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ สมัยที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำ ทราบว่าหะยีสะมะแอทำความดีตอนอยู่ในคุก และยังเคยบอกกับผมว่า ออกไปเมื่อไหร่จะช่วยทำเรื่องสันติภาพในภาคใต้ ฉะนั้นการปล่อยตัวหะยีสะมะแอ จึงเป็นสัญญาณที่ดีและชัดมากๆ เรื่องการสร้างสันติภาพ"
พลเอกเอกชัย บอกด้วยว่า การดำเนินการในเรื่องนี้ รัฐบาลไทยทำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การย้ายสถานที่คุมขังผู้ต้องหาคดีความมั่นคงจากเรือนจำในส่วนกลางไปยังเรือนจำตามภูมิลำเนา เพื่อให้ญาติเข้าเยี่ยมได้สะดวก และไม่ได้มีเฉพาะกรณี หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกรณีอื่นๆ เช่น ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน อดีตประธานกลุ่มเบอร์ซาตู ที่พำนักอยู่ในมาเลเซียมานานหลายสิบปี รัฐบาลก็อนุญาตให้เดินทางกลับประเทศไทยได้ สัญญาณเหล่านี้จะช่วยหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยหาทางออกจากความขัดแย้งเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนต่อไป
"แน่นอนว่าภาครัฐปรับนโยบายในเรื่องภาคใต้มาก โดยเฉพาะการใช้แนวางสันติวิธี อย่างแม่ทัพภาคที่ 4 พลโทปราการ ชลยุทธ ก็ลงไปนอนบ้านชาวบ้านตามชุมชนต่างๆ ถือเป็นมิติใหม่จริงๆ ที่แม่ทัพเดินทางไปได้ทุกที่ ลดการปราบปราม หันมาใช้สันติวิธิ และปฏิเสธความรุนแรง ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็สนับสนุนนโยบายปล่อยตัวผู้เห็นต่างเช่นกัน ทั้งหมดนี้คือสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเราคุยกันได้ และสามารถอยู่ร่วมกันในพื้นที่ได้อย่างมีความสุข"
พลเอกเอกชัย กล่าวด้วยว่า สัญญาณดีอีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มคลี่คลาย คือการที่ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการซื้อที่ดินกันมาก ทั้งจากคนมาเลย์และคนไทยที่ไปพำนักในมาเลเซีย สะท้อนว่าทุกฝ่ายมองเห็นแล้วว่าถ้าต่อไปพื้นที่ชายแดนใต้มีความสงบ หากไม่มีที่ดินจะอยู่อย่างไร จึงต้องเข้ามากว้านซื้อ จะได้มีที่ดินไว้ในครอบครองเพื่ออยู่อาศัยและทำกิจการ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจาก พีพีทีวี