พบบ.'คู่ค้า'อีสท์วอเตอร์ เพิ่งซื้อที่ดินหลังได้สัญญาขายน้ำ40ปี-ฟันรายได้งวดแรก 365ล.
เอ็กซ์คลูซีฟ : เปิดสัญญาซื้อที่ดิน"คู่ค้า"ขายน้ำดิบ อีสท์วอเตอร์ ยาว 40 ปี 5 พันล้าน พบปริศนาควักเงินสด 180 ล. ซื้อต่อชาวบ้านชลบุรี 42 แปลงรวด หลังได้สัญญาขายน้ำ40ปี ฟันรายได้งวดแรก 365ล.- ผู้บริหารฯ นัด "อิศรา" ชี้แจงข้อเท็จจริงปลายสัปดาห์นี้
หลายคนอาจจะทราบกันไปแล้วว่า บริษัท ชลกิจสากล จำกัด คู่สัญญาขายน้ำดิบให้กับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เป็นระยะเวลายาวนาน 40 ปี มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ได้แจ้งผลประกอบการดำเนินธุรกิจล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ว่ามีรายได้รวม 132.33 บาท มีรายจ่ายรวม 8,360.78 บาท ขาดทุนสุทธิ 8,488.45 บาท ส่วนสินทรัพย์มีเงินสด มีเงินสด258.20 บาท มีเงินฝากออมทรัพย์ 18,025.18 บาท มีหนี้สินรวม 8,000 บาท ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่บริษัท ชลกิจสากล จำกัด จะทำสัญญากับ อีสท์วอเตอร์ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2557
(อ่านประกอบ : บ.ชลกิจฯ แจ้งรายได้ 132 บ. ก่อนคว้าสัญญาขายน้ำอีสท์วอเตอร์ยาว 40 ปี 5 พันล.)
แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การจัดหาน้ำดิบเพื่อนำมาขายต่อให้กับ อีสท์วอเตอร์ ของ บริษัท ชลกิจสากล จำกัด มีวิธีกระบวนการอย่างไร
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บ่อน้ำดิบที่ บริษัท ชลกิจสากล จำกัด ขายให้กับอีสท์วอเตอร์ มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 บ่อ กระจายอยู่ในที่ดิน ที่บริษัท ชลกิจสากล จำกัด ซื้อต่อมาจากบุคคลในจังหวัดชลบุรี
โดยบ่อน้ำที่ 1 มีพื้นที่ทั้งหมด 4 แปลง รวมเนื้อที่ 102 ไร่ เศษ , บ่อน้ำที่ 2 มีพื้นที่ทั้งหมด 9 แปลง รวมเนื้อที่ 69 ไร่ เศษ, บ่อน้ำที่ 3,4,5 มีพื้นที่ทั้งหมด 38 แปลง รวมเนื้อที่ 268 ไร่
จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินที่ส่วนบ่อน้ำที่ 1 บริษัท ชลกิจสากล จำกัด ซื้อต่อมาจากบุคคล 3 คน ในจังหวัดชลบุรี ราคารวม 30 ล้านบาท ตามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2557 (ดูหลักฐานประกอบ)
ส่วนที่ดินบ่อน้ำที่ 3,4,5 ซื้อต่อมาจากบุคคล 1 คน ในจังหวัดชลบุรี ราคารวม 150 ล้านบาท ตามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ วันที่ 27 ตุลาคม 2557 (ดูหลักฐานประกอบ)
เมื่อรวมราคาที่ดิน บ่อน้ำที่ 1,3,4,5 จะอยู่ที่ 180 ล้านบาท (ส่วนบ่อน้ำที่ 2 อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล)
จากข้อมูลที่ตรวจสอบพบ นำไปสู่คำถามที่น่าสนใจ 3 ประเด็น คือ
1. บริษัท ชลกิจสากล จำกัด นำเงินจากไหนจำนวน 180 ล้านบาท (ยังไม่รวมกับพื้นที่บ่อที่ 2 อีก 9 แปลง) ทั้งที่ บริษัทฯ นำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 (ก่อนหน้าที่จะเข้าทำสัญญาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557) มีรายได้รวม 132.33 บาท มีรายจ่ายรวม 8,360.78 บาท ขาดทุนสุทธิ 8,488.45 บาท ส่วนสินทรัพย์มีเงินสด มีเงินสด258.20 บาท มีเงินฝากออมทรัพย์ 18,025.18 บาท มีหนี้สินรวม 8,000 บาท
2. ในสัญญาซื้อขายที่ดิน บ่อน้ำที่ 1 จำนวน 4 แปลง จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2557 ส่วนสัญญาซื้อขายที่ดินบ่อที่ 3,4,5 จำนวน 38 แปลง จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2557 แสดงให้เห็นว่าในช่วงทำสัญญาซื้อขายน้ำดิบ กับอีสท์วอเตอร์ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557 บริษัทฯ ยังไม่ที่ดินเป็นของตนเองครบทั้ง 5 บ่อ แผนงานที่นำเสนอต่ออีสท์วอเตอร์ ในขั้นตอนการคัดเลือก มีเพียงแค่โครงการเท่านั้น (ดูสัญญาประกอบ)
3. เป็นไปได้หรือไม่ ที่ภายหลังจากมีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำดิบ กับ อีสท์วอเตอร์ แล้ว บริษัท ชลกิจสากล จำกัด ได้นำสัญญาฉบับนี้ ไปใช้ในการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อทำเป็นบ่อน้ำขายให้กับ อีสท์วอเตอร์ ขณะที่ผลตอบแทนที่ได้รับจากการดำเนินงานโครงการนี้ ก็มีมูลค่าสูงหลายพันล้านบาท
โดยในช่วงการดำเนินงาน 5 ปี แรก บริษัทฯ จะมีรายได้สูงถึง 365 ล้านบาท จากการลงทุนซื้อที่ดินในวงเงิน 180 ล้านบาท
ซึ่งในคำถามข้อที่ 3 หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามนี้ ก็เท่ากับว่า แท้จริงแล้ว ในการดำเนินงานโครงการนี้ บริษัท ชลกิจสากล จำกัด ไม่ได้ใช้เงินของตัวเองในการลงทุนแม้แต่น้อย
และอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเข้าข่ายเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะ "จับเสือมือเปล่า" ได้?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการประสานจากคนในบริษัท ชลกิจสากล จำกัด ว่าผู้บริหารบริษัทฯ ยินดีที่จะให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวเรื่องนี้โดยตนเอง คาดว่าจะเป็นในช่วงปลายสัปดาห์นี้
(กดคลิกติดตามข่าวสาร ได้ใน แฟนเพจ "I love isranews ")
อ่านประกอบ :
ผู้ถือหุ้น"อีสท์วอเตอร์" ร้องสัญญาผูกขาดขายน้ำ40 ปี ส่อกีดกั้นผู้เสนอราคารายอื่น
บ.ชลกิจฯ แจ้งรายได้ 132 บ. ก่อนคว้าสัญญาขายน้ำอีสท์วอเตอร์ยาว 40 ปี 5 พันล.
ปธ.อีสท์วอเตอร์ รับสัญญาซื้อน้ำเอกชน 5 พันล.ผูกขาดจริง! สั่งสอบผลงานบอร์ดเก่าแล้ว
ตะลึง!'อีสท์วอเตอร์'ซื้อน้ำดิบเอกชนรายเดียว 5 พันล. ผูกขาด 40 ปี ยุค'ผู้พันปุ่น'