“ประชาคมเอแบค” ร้องรมว.ศึกษา ขอถอดถอนกรรมการสภาทั้งสิบ
ประชาคมเอแบคออกโรงปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรี อธิการบดีภราดา บัญชา แสงหิรัญ ยื่นหนังสือร้อง ศธ.ขอให้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อถอดถอนกรรมการสภามหาวิทยาลัย ทั้ง 10 คน
ผู้้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 ก.ค.58 นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอให้พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อถอดถอนกรรมการสภามหาวิทยาลัยทั้ง 10 คน ณ อาคารราชวัลลภ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายนรินทร์ ก้อนแก้ว เจ้าหน้าที่กลุ่มรับเรื่องราวร้องทุกข์ สร.ศธ. เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ทั้งนี้เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนเพื่อถอดถอนกรรมการสภาทั้ง 10 นั้น ได้ระบุความตอนหนึ่งว่า “บุคคลทั้ง 10 คน ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กระทำการตามหน้าที่ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเอกชนโดยต้องปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ. และตามที่กฎหมายอื่นให้อำนาจไว้ รวมทั้งต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ประพฤติตนให้เป็นที่เสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
แต่ปรากฏว่าบุคคลทั้ง 10 คน ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการลุแก่อำนาจ เป็นที่เสื่อมเสียและบกพร่องในศีลธรรมอันดี ดังมีพฤติกรรม 3 กรณี คือ (รายละเอียดตามแนบ)
1. บุคคลทั้ง 10 คน ได้นำมติของสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่สภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้มีการอนุมัติไปแล้ว มาพิจารณาใหม่โดยไม่มีกฎหมายรับรองให้กระทำการดังกล่าวได้
2. บุคคลทั้ง 10 คน ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดี โดยเหตุที่กล่าวหานั้นมิได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่จะสามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดีได้ โดยบุคคลกลุ่มนี้ได้พยายามเสนอเรื่องที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหลายครั้งแล้วแต่นายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เห็นว่าให้เลื่อนไปก่อน และแม้มีการคัดค้านจากกรรมการสภาบางคน หากแต่บุคคลทั้ง 10 คน ไม่รับฟังและร่วมกันใช้เสียงข้างมากในการออกเสียงให้มีมติสอบสวนทั้งที่ยังไม่ปรากฎความผิดเลย
นอกจากนี้ บุคคลทั้ง 10 คน ฝ่าฝืนข้อกฎหมายเห็นชอบให้อธิการบดีหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่ากระบวนการสอบสวนตามกฎหมายจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้การจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดีก่อน และหากคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าควรให้อธิการบดีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ก็ให้เสนอต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อมีคำสั่ง แต่บุคคลทั้ง 10 คน กลับมีมติโดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยสั่งให้อธิการบดีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทั้งที่ยังมิได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดีแต่อย่างใด แม้มีการทักท้วงแต่บุคคลทั้ง 10 คน ไม่รับฟังและร่วมกันใช้เสียงข้างมากในการออกเสียงให้มีมติดังกล่าว
อีกทั้งยังเห็นชอบให้แต่งตั้งภราดาในมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งอธิการบดีจนกว่ากระบวนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ และเป็นการลงมติที่ขัดต่อกฎหมาย เพราะหากแม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดี และสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีคำสั่งให้พักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ตาม กรณีเป็นการที่อธิการบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ต้องเป็นอำนาจของรองอธิการบดีในการปฏิบัติหน้าที่แทน แม้ว่ามีกรรมการทักท้วง แต่บุคคลทั้ง 10 คน ไม่รับฟังและร่วมกันใช้เสียงข้างมากในการออกเสียงให้มีมติดังกล่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและปราศจากอำนาจ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการกระทำอันอุกอาจและลุแก่อำนาจ
3. หลังจากบุคคลทั้ง 10 คน ได้ร่วมกันลงมติแต่งตั้งรักษาการอธิการบดี บุคคลทั้ง 10 คน ได้ร่วมกันจัดทำร่างคำสั่ง เพื่อให้นายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญลงนามในคำสั่ง แต่นายกสภามหาวิทยาลัยเห็นว่า มติที่ออกมานั้น เป็นมติที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงยังไม่ลงนามในคำสั่งในทันที เพราะเป็นเรื่องที่ได้รับผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยในวงกว้าง และหลังจากนั้นนายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญก็ได้ทำหนังสือส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอยู่ว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป จึงยังไม่ลงนามในคำสั่งดังกล่าว บุคคลเหล่านี้ไม่ละความพยายามโดยพยายามให้นายกสภาลงนามทันที แต่นายกสภาฯ ชี้แจงในที่ประชุมว่า เรื่องดังกล่าวนี้ได้ส่งหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล้ว ขอให้เลื่อนการลงนามคำสั่งไปก่อน หากได้รับหนังสือตอบกลับจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล้ว จึงจะดำเนินการต่อไป แต่บุคคลทั้ง 10 กลับลงมติว่า หากนายกสภามหาวิทยาลัยไม่ลงนามคำสั่งภายใน 3 วัน จะให้บุคคลอื่นลงนามคำสั่งแทน ซึ่งการลงมติลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้
ต่อมา บุคคลทั้ง 10 คนได้ร่วมกันทำคำสั่งอันไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 5 ฉบับ โดยได้กล่าวอ้างว่าได้มอบอำนาจให้นายวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งมีเพียงนายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเท่านั้นที่มีอำนาจในการลงนามในคำสั่งต่างๆของสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ดังนั้นการร่วมกันทำคำสั่งทั้ง 5 คำสั่งดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำอันอุกอาจและลุแก่อำนาจ ซึ่งได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างมิได้เกรงกลัวทั้งที่ถูกท้วงติงและคัดค้านแล้วก่อนการทำที่ได้กล่าวมาข้างต้น”
รายละเอียดในหนังสือเพิ่มเติมว่า “การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญของบุคคลทั้ง 10 คน ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ที่มีหน้าที่ในฐานะดังกล่าวไม่พึงปฏิบัติ เพราะหน้าที่ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัย แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนก็ตาม แต่ก็เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่ต้องคำนึงถึงความถูกต้อง และต้องเป็นผู้ที่เคารพต่อกฎหมายโดยเคร่งครัดโดยไม่ต้องมีผู้ใดคอยชี้แนะตักเตือน การกระทำข้างต้นจึงล้วนแต่เป็นการกระทำอันอุกอาจลุแก่อำนาจ ละเมิดต่อกฎหมายโดยชัดแจ้ง การกระทำทั้งหลายข้างต้นนี้ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทั้ง 10 คน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย อันทำให้ขาดคุณสมบัติของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสภาสถาบันตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 30 จึงต้องร้องเรียนมายัง ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อโปรดพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลทั้ง 10 คน และดำเนินการถอดถอนบุคคลดังกล่าวเหล่านี้ให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญต่อไป”
สำหรับรายนาม ในหนังสือร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติและถอดถอนออกจากตำแหน่ง ได้แก่ ดร. สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล, ศาสตราจารย์ ดร.นราศรี ไววนิชกุล, รองศาสตราจารย์ ดร.นริศ ชัยสูตร, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประแสง มงคลศิริ, นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช, นายพิชัย ชุณหวชิร, นายมีศักดิ์ ว่องประชานุกูล, นายวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์, นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ และดร.อุดม หงส์ชาติกุล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
"ดร.สุทธิพร" ดับเครื่องชน ยื่น สกอ. สอบปม "อธิการฯ" ฝ่าฝืนมติสภาฯเอแบค
ม.อัสสัมชัญ สั่งสอบ อธิการฯ พร้อมให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ - เจ้าตัวไม่สนยังทำงานปกติ
เสียงค้านศธ.ไม่เป็นผล!"กำจร" ตั้ง 2กก. สภาฯเอแบค แม้ถูกสอบเครื่องฝึกบินฉาว