อดีต ส.สยันแก้ รธน.เจตนาบริสุทธิ์-จี้ สนช.ใช้มาตรฐานเดียวถอดอดีต ส.ว.
“พล.ต.ท.วิโรจน์-สามารถ” นำทีมแก้ต่าง สนช. ปมอดีต 248 ส.ส. แก้ร่าง รธน. ที่มา ส.ว. โดยมิชอบ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีร่างปลอมแน่ ยกประเด็น “ภักดี” กรรมการ ป.ป.ช. ขาดคุณสมบัติ ฝาก สนช. ให้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับลงมติอดีต 38 ส.ว.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2558 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาถอดถอนอดีต ส.ส. 248 ราย กรณีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. โดยมิชอบ โดยเป็นการนัดแถลงเปิดคดีครั้งแรก มีนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้แถลงเปิดคดี และมีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนแถลงคัดค้านเปิดคดี พร้อมกับอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อีกหลายราย
เบื้องต้น นายวิชัย ได้อธิบายถึงข้อกล่าวหา และการลงมติชี้มูลความผิดอดีต ส.ส. จำนวน 248 ราย ในกรณีดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวคัดค้านการแถลงเปิดคดีของ ป.ป.ช. โดยยกกรณีที่นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจในการลงมติชี้มูลความผิด เนื่องจากขาดคุณสมบัติ โดยลาออกจากบริษัทเอกชนไม่ทันการโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2549 ซึ่งขัดกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวด้วยว่า อยากให้สมาชิก สนช. ช่วยกรุณาถามฝ่ายตัวแทน ป.ป.ช. ว่า เรื่องที่เสนอถอดถอนพวกตน เป็นกรณีเดียวกันกับการถอดถอน อดีต ส.ว. 38 ราย ที่พิจารณามาก่อนหน้านี้หรือไม่ ในเมื่อข้อกล่าวหาเดียวกัน กระทำผิดในวาระเดียวกัน กรรมเดียวกัน ในสถานที่เกิดเหตุเดียวกัน วันเวลาเดียวกันใช่หรือไม่
“ผมเชื่อว่า ป.ป.ช. คงไม่โกหก ถ้าใช่ ก็ฝากท่านประธาน กับสมาชิก สนช. ทุกท่าน มาตรฐานที่ท่านได้ลงมติไว้ ก็คงจะเป็นมาตรฐานเดียว” พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าว
ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวทั้งหมด ทุกอย่างเราดำเนินกระบวนการตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ด้วยเจตนาดีต่อบ้านเมือง เจตนาดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นายสามารถ กล่าวอีกว่า เราทำทุกอย่างไม่ได้ผิดไปจากรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 ห้าม 2 เรื่อง คือ ห้ามมิให้แก้รัฐธรรมนูญอันเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และห้ามมิให้แก้เปลี่ยนรูปแบบของรัฐ ถ้าไม่ใช่สองเรื่องนี้แก้ได้ และเราก็ทำตามคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ โดยแก้เป็นรายมาตราแล้ว
นายสามารถ กล่าวว่า ประเด็นคือนายอุดมเดช รัตนเสถียร (อดีต ส.ส.เพื่อไทย) ที่แก้ไขมาตรา 216 วรรคสอง เปิดโอกาสให้ ส.ว. ที่ดำรงตำแหน่งขณะนั้นสามารถสมัครใหม่ได้ ขอเรียนว่า หลักการให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เราไม่ปรารถนาปิดกั้นสิทธิ์ของใครทั้งนั้น แม้เป็น ส.ว.ขณะนั้น ก็ตาม เพราะต่อให้สมัครไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้เลย แต่ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองของประชาชนก่อนว่าจะเลือกหรือไม่ และที่เพิ่มตรงนี้เพราะทำตกหล่นไปในตอนแรก ถ้าย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของนายอุดมเดช และนายดิเรก ถึงฝั่ง (อดีต ส.ว.นนทบุรี) ขณะนั้น ระบุว่า การแก้คราวนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ ส.ว. ที่ดำรงตำแหน่งมีสิทธิลงสมัครได้ มีหลักฐานชัดเจน ไม่ได้ไปหลอกล่อ ไปแอบอ้าง หรือเปลี่ยนร่าง ไม่จริงทั้งนั้น
“ถ้าปลอมจะรอดหูรอดตาไปได้อย่างไร ไม่มีใครพูด จนกระทั่งผ่านวาระที่ 3 พัก 15 วัน และมีคนไปร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ พอศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ก็เข้าชื่อกันไปยื่นถอดถอนที่ประธานวุฒิสภา เสร็จแล้วส่งให้ ป.ป.ช. รับเรื่อง และ ป.ป.ช. ก็อ้างมติศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ชอบอย่างนั้นไม่ชอบอย่างนี้ เป็นเรื่องสงสัยจะใช้ร่างปลอม” นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ป.ป.ช. ก็กอดคำวินิจฉัยไว้แน่น ถ้า ป.ป.ช. เฉลียวใจสักนิดหนึ่งว่า สนช. ไม่ถอดถอนอดีต ส.ว. 38 ราย ที่ถูกกล่าวหาเหมือนกัน น่าจะหาทางลงแบบไหน แต่ก็เข้าใจว่ากลัวถูกฟ้องว่า ทำไม ส.ว. ลงมติ แต่ ส.ส. ไม่ยอมลงมติ ก็เลยต้องลงมติส่งมาให้ สนช. เข้ากระบวนการนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ สุจริต และ สนช. ก็ใช้เหตุผลวินิจฉัยลงมติไม่ถอดถอนอดีต ส.ว. 38 รายไปแล้ว
“ที่สำคัญวันนี้รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่มีแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว เรามีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใช้บังคับ มาตราต่าง ๆ 291 ก็ไม่เหลือ 270 มันก็ไม่มี ที่สำคัญ พวกผมก็ไม่มีตำแหน่งอะไรให้ถอดแล้ว ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะกรุณาใช้เหตุผล จากข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้” นายสามารถ กล่าว
อ่านประกอบ : “เพื่อไทย”โดนยกเข่ง! มติป.ป.ช. 8:1 ฟันอดีต 250 ส.ส.แก้รธน.ที่มาส.ว.มิชอบ