อดีตแม่ทัพ 2 จัดหนักอ้าง 2 พรรคลงขันป่วนใต้ "อารีเพ็ญ"สวนกลับใครคุมงบ
มีข่าวฮือฮาแทรกสถานการณ์ป่วนใต้รายวัน เมื่ออดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ออกมาระบุว่ามี 2 พรรคการเมืองลงขันกันสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้
ที่รัฐสภา วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2558 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกมาร บุว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้เป็นเรื่องการเมือง เป็นการกระทำของ 2 พรรคการเมืองที่ลงขันกันหวังล้มรัฐบาล
พลเอกธวัชชัย หรือที่รู้จักกันในนาม "บิ๊กเยิ้ม" เคยเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี อ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองระบุว่าอาจมีการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 15-17 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตนเองทราบดีว่ามีกลุ่มที่จะก่อความไม่สงบอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย กลุ่มค้ายาเสพติด กลุ่มค้าน้ำมันเถื่อน กลุ่มก่อการร้าย และกลุ่มการเมือง โดยสาเหตุหลักของสถานการณ์รุนแรงในขณะนี้มาจากกลุ่มการเมืองที่ต้องการเคลื่อนไหว เพราะหากมีความรุนแรง งบประมาณที่ลงไปในพื้นที่ก็มากขึ้น โดยมีพรรคการเมือง 2 พรรคเป็นผู้สนับสนุนทุนทรัพย์ลงขันกัน
นอกจากนั้นยังเตรียมจัดตั้งแกนนำรวบรวมคนในอัตรา 1 ต่อ 100 คน โดยจะรวบรวมให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านคน ให้ประชาชนจากภาคใต้เป็นกองหน้าและกองหลัง ส่วนประชาชนจากภาคอีสานเป็นกองกลาง เพื่อชุมนุมโค่นล้มรัฐบาลในกรุงเทพฯ
หลังจากสื่อมวลชนรายงานข้อมูลที่ พลเอกธวัชชัย ให้สัมภาษณ์ออกไป ปรากฏว่ามีนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาตอบโต้ หนึ่งในนั้นคือ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส ซึ่งบอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะไม่มีนักการเมืองระดับชาติคนไหนต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน มีแต่ช่วยแก้ไขปัญหา ฉะนั้นจึงไม่อยากให้โยนบาปไปยังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้สมาชิก สปช.จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกัน
ส่วนที่บอกว่าพรรคการเมืองลงขันกันสร้างสถานการณ์เพราะต้องการผลประโยชน์จากงบประมาณนั้น อยากถามว่าวันนี้มีพรรคการเมืองไหนมีอำนาจบ้าง แล้วใครล่ะที่คุมงบประมาณอยู่ในขณะนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพ พลเอกธวัชชัย จากเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.co.th