ทำเรื่องใต้ดินให้มาอยู่บนดินแบบดัทช์สไตล์
มีกิจกรรมหลายอย่างในสังคมที่ในยุคหนึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดหลักจริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมของสังคม แต่พอค่านิยมในสังคมเปลี่ยนไปก็ได้มีการทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย เช่น การแต่งงานของคนเพศเดียวกัน การขายบริการทางเพศ การใช้และการครอบครองกัญชา การทำแท้ง การอุ้มบุญ และการทำการุณยฆาต เป็นต้น
สหรัฐฯ เป็นประเทศล่าสุดที่ไฟเขียวรับรองการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ว่ามีสิทธิ์ตามกฎหมายเช่นเดียวกับคู่แต่งงานต่างเพศ หากมองในยุโรป ประเทศหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นเสรีนิยมมากคือเนเธอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในโลกที่ผ่านกฎหมายให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากนั้นจึงมีอีกหลายประเทศทำตาม ส่วนใหญ่ในยุโรป จนถึงขณะนี้มี 21 ประเทศแล้ว ที่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้
นอกจากนั้นเนเธอร์แลนด์ยังได้ออกกฎหมายให้ไฟเขียวหลายเรื่องที่เคยอยู่ใต้ดิน มาอยู่บนดิน ไม่ว่าจะเป็นการขายบริการทางเพศ การครอบครองและใช้ยาเสพติด การเปิดบ่อนการพนัน และการทำการุณยฆาต
ในเนเธอร์แลนด์ การขายบริการทางเพศและการเปิดสถานบริการทางเพศเป็นเรื่องถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543 รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ดำเนินนโยบายลดอันตราย เพราะเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นเรื่องใต้ดิน การควบคุมจะทำได้ลำบากกว่า โดยรัฐบาลมีเป้าหมายคุ้มครองสิทธิของผู้ขายบริการทางเพศทั้งหญิงและชาย บางครั้งเป็นผู้เยาว์ จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ตลอดจนจัดระเบียบในอุตสาหกรรมการขายบริการทางเพศให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ป้องกันการค้ามนุษย์และการบังคับหลอกลวงให้มาขายบริการทางเพศ
ตามกฎหมายผู้ขายบริการทางเพศและเจ้าของสถานที่ต้องจดทะเบียนการทำธุรกิจและเสียภาษีให้กับรัฐบาลเป็นเรื่องเป็นราว ผู้ขายบริการทางเพศจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป จะต้องมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำ และผู้ซื้อบริการจะต้องใช้ถุงยางอนามัย
กลุ่มสิทธิสตรีหลายกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการทำให้โสเภณีเป็นอาชีพที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เพราะเห็นว่าอาชีพโสเภณีเป็นรูปแบบหนึ่งของการเอารัดเอาเปรียบและกดขี่เพศหญิง นอกจากนั้นโสเภณียังเป็นอาชีพที่มีภาพเป็นลบ ทั้งต่อตัวผู้ประกอบอาชีพและต่อสังคม อย่างไรก็ตามมีฝ่ายที่เห็นว่าการขายบริการทางเพศเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถเลือกที่จะทำได้
มีรายงานหลายฉบับที่ชี้ว่าการทำให้โสเภณีและสถานขายบริการอยู่ภายใต้กฎหมายไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการเอารัดเอาเปรียบผู้ขายบริการได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังคงมีการค้ามนุษย์ การบังคับขายบริการและการค้าประเวณีเด็ก เมื่อ 3 ปีก่อนหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในอังกฤษสัมภาษณ์สตรีดัทช์ฝาแฝดคู่หนึ่งในวัย 70 ปี ทั้งคู่เคยขายบริการทางเพศในย่านเดอวัลเลินที่เป็นย่านโสเภณีในกรุงอัมสเตอร์ดัมมาหลายสิบปี ทั้งคู่บอกว่าการทำให้โสเภณีเป็นเรื่องถูกกฎหมายกลับทำให้กิจกรรมที่ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น ส่วนนายจอบ โคเฮน อดีตนายกเทศมนตรีกรุงอัมสเตอร์ดัมเคยบอกไว้ว่ากฎหมายดังกล่าวทำให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด การค้าผู้หญิงและธุรกิจผิดกฎหมายอื่น ๆ
รายงานหลายฉบับชี้ว่ายอดนักท่องเที่ยวในกรุงอัมสเตอร์ดัมที่เพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือนักท่องเที่ยวเซ็กส์ทัวร์ กรุงอัมสเตอร์ดัมกลายเป็นเมืองหลวงของการขายบริการทางเพศในยุโรป ความต้องการซื้อบริการที่ทวีขึ้น ทำให้มีหญิงต่างชาติจากยุโรปตะวันออก เอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกาถูกหลอกมาขายเพิ่มขึ้น หากผู้ขายบริการต้องการเลิกอาชีพ ก็แทบจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทำให้ต้องทนขายบริการทางเพศไปเรื่อย ๆ สหภาพแรงงานที่มีการจัดตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นปากเสียงให้ผู้ขายบริการก็ไม่ได้ทำหน้าที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นอกจากจัดระเบียบธุรกิจขายบริการทางเพศแล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังจัดระเบียบการใช้และครอบครองกัญชา โดยยึดนโยบายลดอันตราย เช่นเดียวกับเรื่องโสเภณีและสถานขายบริการทางเพศ เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าการใช้กัญชาเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงในสังคม การปราบปรามไม่ให้มีการใช้ ไม่ได้ช่วยให้คนเลิกใช้ แต่กลับจะหันไปใช้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ การปล่อยให้ใช้ในปริมาณที่จำกัดและรัฐเข้าไปจัดระเบียบย่อมจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า การใช้กัญชาในปริมาณไม่มากในสถานที่สาธารณะที่มีการควบคุมจึงเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในเนเธอร์แลนด์มาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2519 ตามร้านคอฟฟี่ช็อปในเนเธอร์แลนด์ ลูกค้าสามารถสั่งซื้อกัญชามาได้ไม่เกิน 5 กรัม แต่ห้ามซื้อตุน ทางร้านขายได้กับผู้ใหญ่เท่านั้น ห้ามโฆษณา และห้ามเปิดร้านในรัศมี 250 เมตรจากโรงเรียน อย่างไรก็ตามการปลูก การผลิต การค้าและการครอบครองในปริมาณที่มากถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีคนถามว่าแล้วอย่างนี้ร้านคอฟฟี่ช็อปเอากัญชาจากไหนมาขาย อัลจาซีราห์รายงานว่าจากตลาดมืด ซึ่งเรื่องนี้นายกเทศมนตรีกรุงอัมสเตอร์ดัมและเมืองอื่น ๆ อีกหลายเมืองในเนเธอร์แลนด์ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไฟเขียวให้การปลูกกัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะตอนนี้ร้านคอฟฟี่ช็อปได้กัญชามาจากตลาดมืด ซึ่งเท่ากับส่งเสริมธุรกิจนอกกฎหมายและสิ้นเปลืองงบและการทำงานปราบปรามของตำรวจ
นโยบายผ่อนผันการใช้กัญชานี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมไปเนเธอร์แลนด์เพื่อเสพกัญชา โดยเฉพาะกลุ่มวัยหนุ่มสาวเข้ามาทางตอนใต้ของประเทศจากเบลเยียม เยอรมนี และฝรั่งเศส และก่อปัญหาขึ้นในประเทศ รัฐบาลจึงออกกฎหมายใหม่ว่าร้านคอฟฟี่ช็อปสามารถจำหน่ายกัญชาให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์เท่านั้น แต่กรุงอัมสเตอร์ดัมไม่นำกฎหมายนี้มาใช้ เห็นว่าส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ
ในรายงานทีตีพิมพ์ใน Transform หน่วยงานภาคประชาสังคมที่รณรงค์ให้การใช้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมายรายงานว่าร้านคอฟฟี่ช็อปเสียภาษีให้รัฐบาลราวปีละกว่า 15,120 ล้านบาทและการใช้กัญชาในเนเธอร์แลนด์มีน้อยกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนเรื่องที่ถกเถียงกันมากในสังคมไทยคือ การเปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมาย ที่เนเธอร์แลนด์รัฐบาลเป็นเจ้ามือเปิดกาสิโนเอง ในชื่อว่าฮอลแลนด์ กาสิโน และเป็นเจ้ามือผูกขาดแต่เจ้าเดียว เปิดมาตั้งแต่ราวกลางทศวรรษที่ 1970 มีทั้งหมด 14 แห่งทั่วประเทศ รายได้จากฮอลแลนด์ กาสิโนก็นำเข้าคลังของรัฐ
การพนันประเภทแรกที่รัฐบาลเข้ามาควบคุมคือการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยได้ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2269 เป็นสำนักงานสลากกินแบ่งของรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก การพนันประเภทที่สองที่รัฐเข้ามาควบคุมคือการพนันกีฬาที่กลายเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 ส่วนการพนันทางออนไลน์ รัฐบาลเพิ่งอนุญาตให้ตั้งเว็บไซต์การพนันออนไลน์ในประเทศขึ้นได้ในปีนี้เอง
รายงานเรื่องการพนันและปัญหาการพนันในเนเธอร์แลนด์ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Addiction เมื่อปีที่แล้วระบุว่าการผูกขาดการทำธุรกิจกาสิโนของรัฐบาลทำให้มีกฎหมายที่เข้มงวดมาบังคับใช้มากขึ้น ส่วนปัญหาติดการพนันนั้นใช้วิธีบำบัดผ่านระบบประกันสุขภาพ เช่นเดียวกับการบำบัดกรณีติดยาเสพติดอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่มีปัญหาติดการพนันมักจะไม่ค่อยเข้ารับความช่วยเหลือตามศูนย์บำบัด อย่างไรก็ตามยังไม่ค่อยมีการศึกษาติดตามในระยะยาวเพื่อศึกษาเปรียบเทียบถึงปัญหาและผลกระทบของการพนันในเนเธอร์แลนด์
เรื่องถกเถียงด้านจริยธรรมอีกเรื่องที่เนเธอร์แลนด์ไฟเขียวให้ทำได้คือการการุณยฆาต ผู้ป่วยชาวดัทช์สามารถขอให้แพทย์ช่วยทำให้เสียชีวิตได้ โดยเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในโลกที่ผ่านกฎหมายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2545 ผู้ขอส่วนใหญ่ป่วยจากมะเร็ง หรือมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงจนตัดสินใจขอตายอย่าสงบเพื่อจะได้ไม่ต้องทรมานต่อไป อีก 3 ปีถัดมาสภายังผ่านกฎหมายให้แพทย์ทำการุณยฆาตทารกที่มีอายุน้อยกว่า 20 สัปดาห์ที่มีความผิดปกติทางร่างกายได้ตามคำร้องขอของผู้ปกครอง ผู้ป่วยวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 12-15 ปี สามารถขอให้แพทย์ทำการุณยฆาตได้ ถ้าผู้ปกครองอนุญาต หากอายุ 16-17 ปี ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้ปกครอง แต่จะต้องมีการปรึกษาหารือกับผู้ปกครอง กระทรวงต่างประเทศเนเธอร์แลนด์รายงานว่าแพทย์ไม่ได้ทำตามที่ผู้ป่วยร้องขอเสมอไป มีการปฏิเสธถึงราวสองในสามของคำร้องขอ
สถิติล่าสุดของทางการดัทช์ระบุว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาลไฟเขียวเรื่องนี้ มีผู้ขอให้แพทย์ช่วยทำการุณยฆาตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปี พ.ศ. 2556 มีกรณีการุณยฆาต 4,829 ราย และการเสียชีวิตจากการการุณยฆาตมีสัดส่วนราว 3% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ ผู้ป่วยต่างชาติไม่สามารถขอให้แพทย์ในเนเธอร์แลนด์ทำการุณยฆาตได้ ผิดกับสวิตเซอร์แลนด์ที่มีคลินิกรับผู้ป่วยต่างชาติที่ต้องการเสียชีวิตโดยมีแพทย์ช่วย