ป.ป.ช.งัดคำพิพากษาศาลฎีกาชง สตช.ฟันวินัย“โอ๋สืบ6”ปมสั่งทำร้ายม็อบพธม.
ป.ป.ช. เตรียมคัดคำพิพากษาศาลฎีกาชง สตช. ฟันวินัย “โอ๋สืบ 6” อีกรอบ หลังชี้มูลผิดอาญา แต่รอดความผิดทางวินัย เหตุศาลปกครองเชียงใหม่เห็นแย้งชี้มูลผิดมิชอบ ล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายัน ป.ป.ช.ชี้มูลผิดโดยชอบ
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวตอนหนึ่งในงานปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “สื่อวิทยุช่อสะอาดกับภารกิจพิชิตโกง” ว่า กระบวนการการทำงานของ ป.ป.ช. ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างกรณี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.อก.สพฐ. หรือ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ “โอ๋ สืบ 6” ที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดกรณีใช้กำลังประทุษร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2549 โดยมีการติดต่อมิจฉาชีพ จากบ่อนการพนันให้มาทำร้ายคนที่มาร่วมชุมนุม ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบ เพราะเห็นว่ากระบวนการที่สั่งให้ทำร้ายคนเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีการพิจารณาโทษทั้งทางวินัยและอาญา โดยคดีอาญานั้นศาลอาญาได้ตัดสินเอาผิดโดยให้จำคุก 2 ปี แต่รอลงอาญา เพราะยังมีการสอบความผิดทางวินัยอยู่ แต่กลับยังไม่มีการลงโทษทางวินัย เพราะ พล.ต.ต.ธนายุตม์ ได้ฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ว่าการชี้มูล ป.ป.ช. เป็นไปโดยไม่ชอบ และศาลปกครองเชียงใหม่ก็พิจารณาว่าการชี้มูลของ ป.ป.ช. ไม่ชอบ และแจ้งไปยังหน่วยงานต้นสังกัด คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งได้รับเข้าทำงานอีก และเลื่อนยศให้เป็น พล.ต.ต. เราจึงโต้แย้งไปที่ศาลปกครองสูงสุด โดยศาลก็มีคำสั่งยกเลิกการตัดสินของศาลปกครองเชียงใหม่ และให้ศาลปกครองเชียงใหม่ ตั้งองคณะใหม่ขึ้นมาพิจารณาคดีดังกล่าว แต่ขณะนี้ก็ไม่มีการตัดสิน
นายวิชา กล่าวอีกว่า การดำเนินการต่อไปก็ต้องรอให้ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำตัดสินออกมา แต่ล่าสุดศาลฎีกาก็ตัดสินแล้วว่าการชี้มูลของ ป.ป.ช. เป็นไปโดยชอบ ซึ่งต่อไปก็ต้องมีการคัดสำนวนคำตัดสินของศาลฎีกา เพื่อส่งไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีของ พล.ต.ต.ธนายุตม์ หรือ พล.ต.ต.ฤทธิรงค์ หรือ “โอ๋ สืบ 6” เกิดขึ้นเมื่อครั้งดำรงยศ พ.ต.อ. โดยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ในปี 2549 ในเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการฯ (ขณะนั้น) รุมทำร้ายกลุ่ม พธม. ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์
ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีตำรวจคอยอารักขาให้ ทราบภายหลังว่า มีชายอย่างน้อย 2 ราย ที่เข้าไปรุมทำร้ายฝ่ายมวลชน พธม. ขณะที่สื่อมวลชนสำนักข่าว ASTV ผู้จัดการ บันทึกภาพได้ว่า ชาย 2 คนดังกล่าว ได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ อย่างสนิทสนม
ต่อมา ได้มีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ขณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แต่งตั้ง พ.ต.อ.ฤทธิ์รงค์ ขึ้นเป็นรองผู้บังคับการกองอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากถูก ป.ป.ช. สอบสวน กรณีสั่งชาย 2 คนดังกล่าว ทำร้ายมวลชน พธม.
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2550 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ว่า พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 รวมทั้งมีความผิดทางวินัยฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ปล่อยให้คนเข้ารุมทำร้ายประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อหน้าต่อตา เข้าข่ายกระทำการหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายต่อราชการอย่างร้ายแรง จึงส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการ พร้อมส่งเรื่องให้ อสส. ดำเนินคดีอาญาด้วย ซึ่งภายหลังถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่รอลงอาญาไว้ก่อน