นักวิจัยเผยการพนันสร้างโอกาสให้เด็กติดยาสูงถึง 6เท่า
นักวิจัยระบุการพนันสร้างความเสี่ยงให้เยาวชนเข้าสู่อบายมุขง่ายขึ้น ชี้มีโอกาสติดยาเสพติดสูงถึง 6 เท่า ด้านวิจัยต่างประเทศเผยวัยรุ่นเป็นวัยที่ติดการพนันง่ายและถอนตัวยาก
การเปิดคาสิโนกลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบโยนลงไปให้ให้สังคมได้ถกเถียงว่าประเทศไทยเราพร้อมมากแค่ไหนกับการเปิดเสรีทางด้านการพนัน โดยกระแสสังคมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะประเด็นเรื่องความกังวลกับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติที่ยังไม่มีวิจารณญาณในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่จะต้องตกเป็นทาสหรือเหยื่อของการพนัน
งานวิจัยของศูนย์ข้อมูลนโยบายสาธารณะเพื่อลดปัญหาจากการพนัน ของมูลนิธิสดศรี สฤษดิวงศ์ และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ในเรื่องการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการพนัน ระบุถึงสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนไทยกับการพนันอย่างชัดเจนว่า เยาวชนไทยเริ่มเล่นการพนันก่อนอายุ 18 ปี และจะติดการพนันมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเยาวชนร้อยละ 15-20 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จะเคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน ร้อยละ 10-16 จะเล่นการพนันฟุตบอล และมีอีกหลายแสนคนเล่นการพนันออนไลน์ โดยกลุ่มนักศึกษาในสถาบันการศึกษาคือ 1ใน 3 กลุ่มหลักที่เล่นการพนันออนไลน์ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เยาวชนผละออกจากห้องเรียนและเข้าสู่ธุรกิจผิดกฎหมาย
"เมื่อไม่มีเงินมาชำระหนี้ และปัจจุบันสัดส่วนของเด็กไทย ยังเป็นกลุ่มที่ติดเกมการพนัน และการพนันออนไลน์ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเด็กที่ติดเกมหรือการพนันนั้นมักจะเริ่มจากความสนุก นานวันเข้าก็จะกลายเป็นคลั่งไคล้ และจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นำเยาวชนไปสู่การก่ออาชญากรรมร้ายแรงในอนาคต"
หนังสือแกะรอยหยัก มองผลระทบการพนัน โดย ผศ.พญ.พรจิรา ปริวัชรากุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า การเล่นการพนันนั้นจะส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในหลายส่วน อาทิการพนันมีส่วนทำให้เด็กมีโอกาสติดเหล้า 5 เท่า มีโอกาสทำให้เด็กไปสู่การติดยาเสพติด 6 เท่า มีส่วนทำให้เด็กและเยาวชนใช้ความรุนแรงและอาวุธ 6 เท่า มีส่วนที่จะทำให้เด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ 3-10 เท่า และการพนันจะทำให้เด็กและเยาวชนมีภาวะซึมเศร้า 4 เท่าและมีโอกาสฆ่าตัวตายสูง อย่างไรก็ตามผลกระทบที่มีความน่ากังวลสำหรับเด็กและเยาวชนมากที่สุดอีกเรื่องคือการพนันจะส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนด้านสมอง โดยจะทำให้สมองเสียหายอย่างถาวร ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้พฤติกรรมติดการพนันเป็นความปิดปรกติทางจิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Pathological Gambling หรือโรคติดพนัน ซึ่งอาการของคนที่เป็นโรคนี้คือ แม่ผู้เล่นการพนันจะมีความทุกข์จากการเล่นการพนันแต่ก็หยุดไม่ได้ ยังคงต้องเล่นต่อไป
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทางด้านการแพทย์ของดร.โดมินิกส์ เอิร์น และคณะจากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุอย่างชัดเจนว่า เยาวชนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นเป็นวัยที่ยังขาดการยับยั้งชั่งใจ เนื่องจากสมองส่วนหน้าซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดและการตัดสินใจที่ใช้เหตุผลยังไม่พัฒนาเท่าผู้ใหญ่ ทำให้วัยรุ่นมักตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล และการพนันเป็นเกมยั่วยุให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกอยากได้มาก ไม่ว่าผู้เล่นจะอยู่ในสถานการณ์ที่ได้หรือเสีย ดังนั้นเด็กและเยาวชนจึงเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงมากที่จะติดการพนันได้ง่ายและถอนตัวได้ยาก
งานวิจัยของดร.โดมินิกส์ เอิร์น และคณะยังได้ศึกษาโครงสร้างของสมองวัยรุ่นด้วยการเอ็กซเรย์สมองด้วยคลื่นไฟฟ้า (MRI) พบว่าสมองส่วนหน้าจะพัฒนาสมบูรณ์ตอนอายุประมาณ 20 ปี ในช่วงวัยรุ่น และสมองสามารถเพิ่มเนื้อสมองผ่านการเรียนรู้และการสั่งสมประสบการณ์ชีวิต และสมองจะมีการปรับโครงสร้างโดยคัดเซลล์ประสาทและเครือข่ายการเชื่อมโยงบางส่วนที่ไม่ได้ใช้งานทิ้งไป กระบวนนี้เรียกว่า Pruning ซึ่งหากวัยรุ่นหมกมุ่นหรือติดการพนันจะสงผลให้สมองส่วนหน้าไม่เพิ่มเนื้อสมอง และไม่พัฒนาอย่างถาวร นอกจากนี้ยังอาจถูกตัดทิ้งเพราะไม่ได้ใช้งาน และจะส่งผลต่อระบบคิดและพฤติกรรมที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต จะทำให้เยาวชนที่ติดการพนันกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อดทนรอต่อความสำเร็จ และหวังได้เงินมาอย่างง่ายและรวดเร็วด้วย