ควันหลงบ่อนเสรี แนะลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน...ทางออกคาสิโนไทย?
แม้การถกเถียงเรื่องการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยจะยุติลงชั่วคราว จากท่าที "ไม่เอาด้วย" ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เชื่อเถิดว่าอีกไม่นานเกินรอ ประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
และการต่อสู้กันในแง่ของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป
ในห้วงเวลาของการถกเถียงเสมือนฝุ่นที่กำลังตลบอบอวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ก่อนนายกฯออกมาปราม) มีนักวิชาการที่เคยศึกษาวิจัยเรื่องการพนันเสรี เสนอทางออกน่าสนใจที่น่าจะเป็นการผ่าทางตันระหว่างเรื่องเม็ดเงินที่ไทยจะได้รับจากการเปิดบ่อน กับปัญหาสังคมที่จะตามมา
นักวิชาการรายนี้ คือ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิจัยสถาบันพระปกเกล้า โดยอาจารย์สติธรได้ทำการศึกษาวิจัยและเผยแพร่เป็นบทความในวารสารเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หัวข้อ "การพนันในมิติทางสังคม เศรษฐกิจและกฎหมาย" สรุปได้ว่า การตัดสินใจเชิงนโยบายในเรื่องการตั้งบ่อนการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยนั้น เกี่ยวพันกับแนวคิดและมุมมองใน 3 มิติ คือ สังคม เศรษฐกิจ และกฎหมาย ทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่มีความคิดความเชื่อในแต่ละมิติ
อย่างไรก็ดี ความเห็นพ้องต้องกันของบางสังคม บางประเทศ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการผสานผลประโยชน์และการหยิบยกข้อดีจากแนวทางการศึกษาต่างๆ เพื่อสนับสนุนข้อด้อยที่เกิดขึ้นในแนวทางของตนเอง ฉะนั้นการริเริ่มขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับการพนันถูกกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่รัฐต่างๆ ต้องพิจารณาหาเหตุผลที่สอดคล้องกับบริบททางสังคมและสถานการณ์หนึ่งๆ ของตนเท่านั้น
เช่น ในบางประเทศ การพนันเสรีอาจเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคม อาทิ เพื่อให้คนสูงอายุมีกิจกรรมทำยามว่าง หรือเพื่อให้คนในสังคมของตนซึ่งมีวัฒนธรรมชอบเล่นการพนันกันอย่างกว้างขวางได้มีโอกาสเล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่บางประเทศ การพนันเสรีเกิดขึ้นจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ เพื่อนำรายได้เข้าสู่รัฐในรูปภาษี หรือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างสถานการพนันขนาดใหญ่ หรือเพื่อใช้ธุรกิจพนันเป็นตัวส่งเสริมธุรกิจบันเทิง ท่องเที่ยว
หรือบางประเทศเลือกดำเนินนโยบายการพนันเสรีด้วยเหตุผลเชิงกฎหมาย อาทิ ต้องการนำธุรกิจการพนันที่อยู่ "ใต้ดิน" ขึ้นมา "บนดิน" เพื่อการควบคุมดูแลที่ง่ายกว่า เป็นต้น
ฉะนั้นการตัดสินใจที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการพนัน จึงเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดให้ละเอียด และจะต้องคำนึงถึงบริบทของสังคมด้วยว่าการพนันมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมนั้นๆ อย่างไร ควรมีแนวทางหรือนโยบายสำหรับการจัดการกับการพนันอย่างไร มากกว่าการพยายามแสวงหาแนวทางสากลที่ใช้ได้กับทุกๆ สังคมอันเป็นเรื่องยุ่งยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้
สำหรับประเทศไทย หากพิจารณาในมิติทางเศรษฐกิจ รัฐบาลในรอบหลายปีที่ผ่านมาก็มิได้อัตคัดขัดสนหรือสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นต้องชู "นโยบายการพนันเสรี" เพื่อกอบกู้วิกฤติชาติ เพียงแต่มูลค่าของอุตสาหกรรมการพนันซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเศรษฐกิจใต้ดินนั้นค่อนข้างสูง ในมุมมองของผู้นำประเทศบางท่านจึงเห็นว่า การนำผลประโยชน์เหล่านี้มาจัดสรรโดยรัฐ เป็นแนวทางที่เย้ายวนและน่าจะดีกว่าการปล่อยให้ผลประโยชน์ดังกล่าวไปตกอยู่ในมือของคนบางกลุ่ม
ด้วยเหตุนี้ การพนันจึงไม่ใช่ปัญหาในมิติทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยต้องรีบเร่งให้มีขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่ปัญหาที่สำคัญมากกว่าในกรณีของประเทศไทยกลายเป็นเรื่องของการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังจะเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้การพนันถูกกฎหมายที่มีอยู่เป็นไปตามเงื่อนไข หรือการปราบปรามไม่ให้มีการพนันที่ผิดกฎหมายก็ตาม ล้วนแต่ล้มเหลวทั้งสิ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ความล้มเหลวในการจัดการเรื่องการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และการปล่อยให้การพนันผิดกฎหมาย เช่น หวยใต้ดิน การพนันฟุตบอล กลายเป็นกิจกรรมที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้มาช้านาน
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามที่คิดจะหยิบยกนโยบายการพนันเสรีขึ้นมาจะด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจหรือสังคมก็ตาม การทำให้สาธารณชนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนเป็นลำดับแรก
ดร.สติธร ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อแนวคิดการตั้งคาสิโนที่เสนอกันอยู่ในขณะนี้มีประเด็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาสังคมและการบังคับใช้กฎหมายที่จะตามมา ในขณะที่คาสิโนถูกกฎหมายก็มีอยู่ในประเทศรอบบ้านไทย ฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้หากไทยจะไปร่วมลงทุนในการก่อสร้างคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น แล้วนำผลกำไรเป็นรายได้กลับเข้าประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องไปแบกรับภาระหรือผลกระทบเชิงสังคมที่หลายฝ่ายกังวล
บ่อนไทย 3 ระดับ...คาสิโนไม่ช่วยแก้ปัญหา
มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งจากตำรวจระดับปฏิบัติการที่ทำงานด้านปราบปรามบ่อนการพนัน ได้สะท้อนความจริงของสถานการณ์บ่อนในประเทศไทยว่า สามารถแบ่งได้หยาบๆ เป็น 3 ระดับ คือ
1.บ่อนระดับท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นบ่อนวิ่งตามงานศพ บ่อนในชุมชนที่รองรับนักพนันในพื้นที่นั้นๆ โดยทุกพื้นที่ของประเทศไทยมีบ่อนเล็กบ่อนน้อยเต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็น "บ่อนวิ่ง" ที่เปลี่ยนสถานที่เล่นไปเรื่อยๆ แล้วแต่ความสะดวก ความต้องการของนักพนัน และหลบเลี่ยงการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ บ่อนประเภทนี้ก็เช่น บ่อนตามงานศพ บ่อนพนันวัวชน บ่อนบั้งไฟ บ่อนพนันไก่ชน เป็นต้น ถือเป็นบ่อนเกรด C
2.บ่อนระดับหัวเมืองใหญ่และกรุงเทพฯ เช่น บ่อนประตูน้ำ บ่อนลอยฟ้า ถือเป็นบ่อนเกรด B+ ถึง A พิจารณาจากปริมาณคนที่เข้าไปเล่น และการเข้าถึงของคนชั้นกลาง บ่อนประเภทนี้สามารถดึงดูดคนได้เยอะขึ้น ตั้งอยู่ตามชุมชนต่างๆ เช่น บ่อนเตาปูน บ่อนลอยฟ้า บางบ่อนมีการสร้างฐานมวลชนโดยรอบเพื่อป้องกันการเข้าทลายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3.บ่อนระดับไฮเอนด์ หรือบ่อนระดับบน เช่น บ่อนสุขุมวิท 24 ที่เพิ่งถูกทลายไปเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นบ่อนเกรด A+ รองรับกลุ่มไฮโซ เปิดตามคอนโดมีเนียมหรู ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการต้องเป็นสมาชิก (เมมเบอร์) นักพนันจะบอกกันปากต่อปาก วงเงินการเล่นค่อนข้างสูง เพราะกลุ่มคนที่เข้าไปเล่นมีศักยภาพในการจ่าย
บ่อนทั้ง 3 ประเภท 3 ระดับนี้ แก้ไม่ได้ด้วยการตั้งคาสิโน หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพราะไม่ได้ตอบโจทย์นักพนันระดับต่างๆ เนื่องจากจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ของผู้มีสิทธิเข้าไปเล่น เช่น ต้องเป็นนักท่องเที่ยว มีพาสปอร์ต หรือมีเงินฝากจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญไม่ใช่ว่ามีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์แล้ว นักพนันชาวไทยจะไม่เดินทางไปเล่นนอกประเทศ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต