กรมวิทย์แพทย์ ออกชุดตรวจสารอันตรายยาไทย เจาะกลุ่มอสม.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เจาะกลุ่มเป้าหมายอสม. เฝ้าระวังแก๊งเร่ขายยาเถื่อน ออกนวัตกรรมทดสอบสเตรียรอยด์ปนเปื้อนยาแผนโบราณ นักวิทยาศาสตร์ชูใช้งานง่ายเห็นผลชัด
ปัจจุบันในแวดวงทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนทั่วไป ต่างให้การยอมรับถึงสรรพคุณการรักษาโรคของยาสมุนไพรแผนโบราณ เพราะเชื่อถือได้ถึงความปลอดภัยและผลข้างเคียงจากการรักษาค่อนข้างน้อยหรือแทบไม่มีเลย แต่ในจุดเด่นของตัวยาขนานต่างๆที่ได้รับความนิยมก็นำมาซึ่งช่องทางการหากินของกลุ่มมิจฉาชีพ หรือขบวนการ 18 มุงกฎโดยการนำสารสเตรียรอยด์เข้ามาใช้ในตัวยาเพื่ออวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง
ด้วยปัญหาดังกล่าว เภสัชกรสำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงคิดค้นชุดทดสอบสารสเตรียรอยด์ในยาแผนโบราณด้วยเทคนิคอิมมูโนโครมาโทกราฟี (IC) ขึ้นมาใช้ เพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ด้วยตนเองมีระยะเวลาการตรวจสอบว่ามีหรือไม่มีสารปนปลอมในยาสมุนไพรที่สั้นลง ซึ่งเป็นชุดทดสอบอย่างง่ายๆรู้ผลเร็วใช้งบประมาณน้อย นวัตกรรมนี้เป็นการทำงานภายใต้ความร่วมมือกับเครือข่ายสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ได้รับผลงานวิชาการยอดเยี่ยมประจำปี 2552 ของกระทรวงสาธารณสุข
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า สารสเตรียรอยด์มีผลต่อระบบในร่างกายเกือบทุกระบบ ทำให้มีการลักลอบปลอมปนในยาแผนโบราณที่ผลิตโดยกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ออกเร่ขายตามแหล่งชุมชน จึงทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงในการใช้ยา ขณะที่การตรวจสอบหาเดกซ์เมธาโนและเพร็ดนิโซโลน(สารสเตรียรอยด์)ที่ปลอมปนในยาแผนโบราณรูปแบบต่างๆเช่น ยาลูกกลอน ยาน้ำ ยาเม็ด ยากวน ยาแคปซูล ฯลฯ ที่ผ่านมาต้องอาศัยช่องทางห้องปฏิบัติการ ต้องใช้นักวิเคราะห์ที่มีความชำนาญ มีขั้นตอนการเตรียมตัวหลายอย่างหลายขั้นตอน ที่ผ่านมาการตรวจให้ผลเชิงคุณภาพโดยใช้เทคนิคอิมมูโนโครมากราฟีปริมาณต่ำที่สามารถวัดได้สำหรับเดกศ์ซาเมธาโซนเท่ากับ 1 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรและสำหรับเพร็ดนิโซโลนเท่ากับ 50 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรต้องใช้เวลานาน การใช้ชุดทดสอบดังกล่าว สามารถลดขั้นตอนยุ่งยากลง การรอคอยผลการตรวจจาก 25 วันทำการเหลือเพียง 15 นาที อีกทั้งยังทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงได้จากจำนวน 1,200 บาท เหลือเพียง 65 บาท ชุดทดสอบยังมีประสิทธิภาพด้วยค่าความถูกต้องมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษเนื่องจากสามารถอ่านผลด้วยตาเปล่าได้
กันยารัตน์ ชลสิทธิ์ เภสัชกรชำนาญการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 เชียงใหม่ ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ที่นำชุดทดสอบสารสเตรียรอยด์ลงไปใช้ในชุมชน เปิดเผยศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักในการนำชุดทดสอบนี้ไปใช้คือเจ้าหน้าที่อสม.ที่ทำงานกับชุมชนโดยตรง โดยมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ ซึ่งเป็นการทำงานในเบื้องต้นที่เห็นผลชัดเจนในประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ เพราะผ่านการประเมินประสิทธิภาพมาแล้ว เมื่อมีการตรวจพบสารปลอมปนก็จะนำผลการตรวจเข้ามายังห้องปฏิบัติการตรวจยืนยันผล ก่อนจะนำไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่ นายวิชัย ปราสาททอง นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 ขอนแก่น กล่าวว่า การนำชุดทดสอบมาใช้ถือว่าอยู่ในระดับการตอบรับที่ดีมากจากประชาชนทั่วไป เพราะใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายพกพาสะดวก แสดงผลชัดเจนไม่สับสน ผลที่ได้รับมีความถูกต้อง สอดคล้องตอบรับกับปัญหาการทำผิดชัดเจน
“สารสเตรียรอยด์ถ้ามองว่ามีประโยชน์ไหม ก็ต้องตอบว่ามีในแง่ของการลดอาการที่ไม่พึงประสงค์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้ในการควบคุมของแพทย์ในปริมาณที่เหมาะสม ที่ผ่านมาหลังจากนำชุดทดสอบนี้มาใช้โดยเครือข่ายฯอสม.และชาวบ้านในชุมชน พบว่ามีการตรวจพบสารสเตรียรอยด์ในยาแผนโบราณเยอะมาก และเมื่อตรวจพบทางเครือข่ายฯก็จะนำไปขยายผลติดตามต่อ มีการรณรงค์ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขารับรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นก็ไม่ยอมให้รถเร่ยาสมุนไพรที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเข้ามาวางขายง่ายๆ นอกจากนี้จากการติดตามผลของคนในชุมชนยังพบว่ากลุ่มขายยาแผนโบราณที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมีการทำเป็นกระบวนการค่อนข้างจะแข็งแรง มีการอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง รักษาอาการได้แบบครอบจักรวาล ทำให้คนไม่รู้ได้รับปริมาณสารที่มากจนเกิดอันตรายกับร่างกาย เมื่อชุมชนนำชุดทดสอบนี้ไปใช้ก็จะสามารถดำเนินการด้วยตนเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ชาวบ้านเฝ้าระวังในอันตรายที่จะเกิดกับตัวเอง” นายวิชัย กล่าว
.......................................
(ล้อมกรอบ)
อันตรายจากสารสเตรียรอยด์
เมื่อรับสารในปริมาณที่มากเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร เนื่องจากสเตียรอยด์ไปทำให้ผนังกระเพาะอาหารและลำไส้บางลง และเสียความสามารถในการป้องกันกรดในทางเดินอาหารที่หลั่งมาเพื่อย่อยอาหาร อีกทั้งยังไปกระตุ้นเซลล์ในกระดูกชนิดหนึ่งร่วมกับกระตุ้นระบบฮอร์โมนทำให้กระดูกถูกละลายบางลง ซึ่งในคนสูงอายุก็จะลงท้ายด้วยกระดูกพรุนและเกิดกระดูกหักได้ง่าย ร่างกายหยุดสร้างสเตียรอยด์เพราะได้สเตียรอยด์จากภายนอกไปแล้ว และหากวันใดไม่ได้รับสเตียรอยด์จากภายนอกเข้าไปแล้วเจอเรื่องเครียดร่างกายก็จะขาดสเตียรอยด์อย่างฉับพลัน และไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อาจทำให้ความดันโลหิตตกลงหมดสติและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย บดบังอาการติดเชื้อต่างๆ เมื่อร่างกายติดเชื้อก็จะไม่มีอาการเจ็บไข้ให้เห็น ทำให้ดูเหมือนสบายดี รวมทั้งไปยับยั้งการเติบโตในเด็ก ทำให้เด็กโตช้าและหยุดสูงเร็วกว่าปกติ อันนี้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่เลี้ยงไม่โต น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงในผู้ป่วยเบาหวาน หรือทำให้ระดับน้ำตาลควบคุมได้ยาก หากน้ำตาลอยู่ในระดับสูงมากอาจทำให้ช็อคและเสียชีวิตได้ (นิตยสาร HealthToday )
วิธีทดสอบ -1.ถ้าตัวยายาแผนโบราณเป็นเม็ดหรือลูกกลอนให้บดเม็ดยาให้แตกละเอียด หรือใช้กรรไกรสะอาดตัดเป็นชิ้นๆ ตักตัวอย่างด้วยหลอดพลาสติกลงในหลอดทดสอบสำหรับใส่ตัวอย่างในปริมาณเท่าขีดสีน้ำเงินข้างหลอดทดสอบ 2.หยดน้ำยาจากขวดบรรจุน้ำยาละลายตัวอย่างลงในหลอดทดสอบที่ใส่ตัวอย่างจนถึงขีดสีแดงที่ข้างหลอดทดสอบจากนั้นปิดจุก เขย่าให้เข้ากันอย่างน้อย 3 นาทีตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอน สำหรับตัวอย่างที่เป็นของเหลวใสสามารถทดสอบได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งทิ้งไว้ 3.นำชุดทดสอบออกจากซองบรรจุวางชุดทดสอบลงบนพื้นราบที่สะอาดใช้หลอดหยดตัวอย่างในซองดูดน้ำยาส่วนใสโดยไม่ให้มีฟองอากาศและหยัดในหลุมทดสอบในลักษณะหลอดหยดตั้งตรงทีละหยดจำนวน 4 หยุด จากนั้นทิ้งไว้อ่านผลภายใน 5-10 นาที ซึ่งไม่ควรอ่านผลหลังจาก 15 นาทีผ่านไป
การแสดงผล – ปรากฏแถบสีม่วงแดงเพียงแถบเดียวบริเวณตำแหน่งC ที่หน้าต่างแสดงผล แสดงว่าอาจมีการปลอมปน ผลลบ ปรากฏแถบสีม่วงแดง 2 แถบ บริวเวณตำแหน่ง C และ T ที่หน้าต่างแสดงผล อาจจะเข้มหรือจางกว่าตำแหน่ง C แสดงว่าในตัวอย่างไม่มีการปลอมปนหรือมีปริมาณน้อยกว่าชุดทดสอบสามารถตรวจสอบได้ ขณะที่ไม่ปรากฏแถบสีม่วงแดงที่ตำแหน่ง C และ Tหรือปรากฏแถบสีม่วงแดงที่ตำแหน่ง T ตำแหน่งเดียว ไม่สามารถแปลผลได้ ควรทดสอบซ้ำด้วยชุดทดสอบใหม่.