ระเบิดยากันยุง...เทคนิคเก่าในรูปลักษณ์ใหม่
อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดที่เคยปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยัน ระเบิดยากันยุงที่แชร์กันทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเรื่องเก่า เพียงแต่มาในรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น ย้ำเป็นเทคนิคโบราณ คนร้ายนิยมใช้สร้างสถานการณ์ป่วน
นี่คือโฉมหน้าของ "ระเบิดยากันยุง" ที่ผู้สื่อข่าวสายทหารนำมาแชร์ในเฟสบุ๊คของตนเอง พร้อมอ้างข้อมูลฝ่ายความมั่นคงว่า เป็นระเบิดชนิดใหม่ที่ผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นำมาใช้สร้างสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลของ "ทีมข่าวอิศรา" ทำให้ทราบว่า ระเบิดรูปแบบดังกล่าวถูกพบในพื้นที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ของตำรวจ ซึ่งเคยปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับคำยืนยันว่า ระเบิดยากันยุงที่มีการแชร์ภาพในโซเชียลมีเดียนั้น จริงๆ แล้วเป็นเทคนิคการต่อวงจรระเบิดแบบเก่า เพียงแต่ครั้งนี้ปรากฏในรูปลักษณ์ใหม่ ทำให้เกิดความตื่นกลัวของประชาชนทั่วไป
อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ บอกว่า การต่อวงจรระเบิดรูปแบบนี้เป็นการต่อแบบพื้นฐานที่สุด ไม่มีอะไรซับซ้อน และแทบไม่ใช้เทคโนโลยีอะไรเลย วิธีการคือนำยากันยุงจะเป็นแบบขดหรือแบบแท่งก็ได้ มาเป็นตัวตั้งเวลา หรือ "ไทม์เมอร์" เหมือนเราต้องการจุดประทัด แต่ต้องการถ่วงเวลาไว้ก่อน ก็นำยากันยุงมาเป็นตัวหน่วงเวลา แต่ผู้ใช้ต้องรู้ว่าอัตราการเผาไหม้ของยากันยุงเป็นเท่าไร จากนั้นก็นำมาคำนวณกับความยาวของยากันยุง แล้วต่อปลายกับสายชนวนเพื่อจุดระเบิด เวลาใช้ก็จุดไฟที่ปลายด้านหนึ่งของยากันยุง เมื่อไฟลามไปถึงชนวน ระเบิดก็ทำงาน
ส่วนภาชนะใส่ระเบิดนั้น จะเป็นอะไรก็ได้ เช่น สมัยก่อนคนร้ายนิยมใช้กระป๋องปลากระป๋อง หรือกระป๋องนม แล้วอัดดินดำเข้าไป จากนั้นก็เอาชนวนมามัดติดกับยากันยุง บางทีก็ใช้หนังยางมัด แต่จากภาพที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย เป็นกระป๋องสเปรย์ และนำมาเสียบต่อกับยากันยุงแบบมืออาชีพขึ้น กลายเป็นรูปลักษณ์ใหม่ แต่เป็นเทคนิคโบราณเหมือนเดิม
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ บอกด้วยว่า ระเบิดลักษณะนี้มักถูกนำไปวางสร้างสถานการณ์ตามตู้โทรศัพท์ หรือตู้เอทีเอ็ม เพราะวางง่าย เมื่อผู้วางเดินหนีไปแล้ว จึงเกิดระเบิดขึ้น แต่ระเบิดรูปแบบนี้ไม่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงมากนัก หากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ก็จะสามารถป้องกันได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากเฟสบุุ๊ค wassana nanuam